Feed update

ในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรี เชิญสิ่งของพระร […]

วิสุทธิ์ เผย เปิดให้พรรคร่วมลงชื่อแก้รธน.รายมาตราแล้ว ค […]

UPDATE: ‘พิชัย’ ลงนาม MOU ก้าวสำคัญทางการค้า ไทยกับสหราชอาณาจักร ยกระดับการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าในอุตสาหกรรม 20 สาขา พร้อมเดินหน้าเจรจาจัดทำ FTA ร่วมกัน วันนี้ (18 ก.ย. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้พบหารือกับนายดักลาส อเล็กซานเดอร์ (The Rt Hon Douglas Alexander) รัฐมนตรีการค้าของสหราชอาณาจักร รวมทั้งได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ที่โรงแรมคอร์ทยาร์ด บาย แมริออท กรุงเทพฯ นายพิชัย กล่าวว่า “การพบหารือในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของการยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าของไทยกับสหราชอาณาจักร โดยผมกับท่านรัฐมนตรีดักลาส ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (Enhanced Trade Partnership: ETP) และรับรองแผนปฏิบัติการที่ระบุถึงกิจกรรมความร่วมมือที่สองฝ่ายจะดำเนินร่วมกันใน 20 สาขาสำคัญ อาทิ เกษตร อาหาร ดิจิทัล การศึกษา การท่องเที่ยว ทั้งนี้ การลงนามในวันนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นในระดับการเมืองของทั้งสองฝ่ายที่จะขยายความร่วมมือในเรื่องการค้าและการลงทุนอย่างรอบด้าน ทั้งในเวทีสองฝ่ายและในเวทีระหว่างประเทศ โดยจะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในสาขาที่สหราชอาณาจักรมีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะประเด็นการค้าใหม่ ๆ เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การพัฒนาอย่างยั่งยืน บริการทางการเงิน การแข่งขัน และการท่องเที่ยว รวมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนต่อภาคธุรกิจ ตลอดจนยังจะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเจรจาเอฟทีเอระหว่างกันในอนาคตด้วย” นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือความเป็นไปได้ในการเจรจาเอฟทีเอระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งภาคธุรกิจของทั้งสองฝ่ายก็สนับสนุนการเริ่มเจรจาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องการขยายการค้าระหว่างกัน ผ่านการจับคู่เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะในสินค้าศักยภาพของไทย เช่น ไก่แปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน จักรยานยนต์และชิ้นส่วน และเครื่องจักรกล รวมทั้งได้เชิญชวนให้นักธุรกิจสหราชอาณาจักรมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ซึ่งจะช่วยปรับโครงสร้างการส่งออกของไทยให้ทันสมัย เพิ่มการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และการจ้างงาน สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับ 22 ของไทยในตลาดโลก และเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคยุโรป (รองจากเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์) ในปี 2566 มีมูลค่าการค้ารวมระหว่างกัน 6,740.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 1,405.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่าการส่งออกรวม 4,073.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ไก่แปรรูป รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ ขณะที่มีมูลค่าการนำเข้ารวม 2,667.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #พิชัยนริพทะพันธุ์ #กระทรวงพาณิชย์ #ไทยสหราชอาณาจักร #FTA

มหาดไทยออกแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บัตรประชาชน เอกส […]

มท.ออกแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัย บัตรปชช.-ทะเบียนบ้านหา […]

เชียงราย 18 ก.ย. – ทัพฟ้าพร้อมดีเดย์ฟื้นฟูโรงเรียนใน “โครงการ 416 Back to School” หลังได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพอากาศ โดยฝูงบิน 416 เชียงราย เร่งลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย หนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยอย่างมาก และเป็นสถานศึกษาที่สำคัญของจังหวัดเชียงรายที่หยุดเรียนมาหลายวัน ซึ่งกองทัพอากาศ ตระหนักในความเดือดร้อนของคุณครูและนักเรียน จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายจัด “โครงการ 416 Back to School” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งช่วยเหลือฟื้นฟูและทำความสะอาดให้โรงเรียนพร้อมกลับมาเปิดเรียนโดยเร็ว ภายในวันที่ 23 กันยายน 2567 นี้ โดยนัดหมายภาคีเครือข่าย เริ่มดีเดย์เข้าฟื้นฟูและทำความสะอาดโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ ( 19 กันยายน 2567 ) ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ.- 313 – สำนักข่าวไทย The post ทอ.ดีเดย์ 19 ก.ย. ลุยฟื้นฟูโรงเรียนถูกน้ำท่วม appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

UPDATE: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ไพบูลย์ องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่-ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ (18 ก.ย. 67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส อ.รามัน จ.ยะลา อ.เมือง จ.ปัตตานี และ อ.เทพา จ.สงขลา โดยมีนายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงพื้นที่ ในโอกาสนี้ พล.อ.ไพบูลย์ เชิญพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ที่ทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ และเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ให้ประชาชนใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย ก่อนจะอัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งแสดงความห่วงใยและกำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์ เชิญสิ่งของพระราชทาน 190 ชุด โดยมีผู้เข้ารับมอบ ประกอบด้วย ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าฯ นราธิวาส นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าฯ ยะลา นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าฯ ปัตตานี นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าฯ สงขลา พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเทพา นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ไพบูลย์คุ้มฉายา #จังหวัดชายแดนภาคใต้ #สิ่งของพระราชทาน

‘บิ๊กอ้วน’ ปิดหลักสูตร วปอ.66 ชมเก่งทุกคน ก […]

“บิ๊กอ้วน” เชื่อเพื่อไทยสนับสนุนกระบวนการยุติธรรม “รอศาลชี้ขาดคดีตากใบ” ระบุ “พล.อ.พิศาล” ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ รอเจ้าตัวปรับทุกข์ ขอฟังปมเหตุของการตัดสินใจวันนั้น เชื่อทุกเรื่องบนโลกมีบาดแผล แต่ขอให้เป็นบทเรียน The post “บิ๊กอ้วน” ยันเพื่อไทยหนุนคลายปมคดีตากใบ appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

ภูมิธรรม เชื่อ เพื่อไทย สนับสนุนกระบวนการยุติธรรมเต็มที […]

‘ภูมิธรรม’ ยัน โผทหาร-ผบ.ตร.-เลขา สมช. ไร้ต […]

PARLIAMENT: สภาคว่ำร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ยกเลิกเงินนอกงบประมาณกองทัพ ‘วิโรจน์’ ชี้ กมธ.งบประมาณตั้งข้อสังเกตกันทุกปีว่าซ้ำซ้อน-ตรวจสอบไม่ได้ แต่ถึงเวลาจริงกลับไม่โหวตตามที่พูด วันนี้ (18 ก.ย. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งนำเสนอโดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพื่อให้การบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะกองทัพมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยแก้ไขให้รัฐบาลต้องเปิดเผยภาระทางการคลังผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และให้การจัดการเงินนอกงบประมาณโดยที่ไม่ต้องนำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง ต้องมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติกำกับเท่านั้น ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้ขอรับร่างฯ ดังกล่าวไปพิจารณาเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งครบกำหนดกลับเข้าสู่การพิจารณาต่อในสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ พร้อมด้วยข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง วิโรจน์ ในฐานะเจ้าของร่างฯ ได้อภิปรายต่อข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรีมีกลับมา โดยระบุว่าหลักการสำคัญในการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มีอยู่ 2 ประการ คือ 1) การสร้างความโปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญด้านงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นภาระทางการคลัง สถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง และ 2) การปรับปรุงการจัดการเงินนอกงบประมาณให้มีความโปร่งใสมากขึ้น หน่วยงานใดที่มีความจำเป็นในการจัดการเงินนอกงบประมาณด้วยตัวเองก็ยังคงทำได้ โดยเฉพาะกองทัพที่มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณถึงปีละเกือบ 2 หมื่นล้านบาท แต่ต้องมีการตรากฎหมายในระดับ พ.ร.บ. มากำกับ มีการตรวจสอบตามหลักการทางบัญชี และมีการเปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย ไม่ใช่แค่ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังเป็นกระดาษไม่กี่หน้า แล้วฮุบเอาเงินนอกงบประมาณไปจัดการตามอำเภอใจในแดนสนธยา ขนาดที่คณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ยังตรวจสอบไม่ได้ วิโรจน์ กล่าวต่อไปว่าเมื่อตนเองได้อ่านข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรีตีกลับมาก็ยิ่งตกใจ เพราะไม่มีความใส่ใจต่อข้อสังเกตใด ๆ ของคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ เลย การแก้ไขครั้งนี้ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ตนเองทึกทักนึกเอา แต่มาจาก สส.ทุกพรรคทุกคน ผ่านรายงานข้อสังเกตต่อ พ.ร.บ.งบประมาณของทุกปี รวมทั้งในปีล่าสุด 2568 ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “กระทรวงกลาโหมเป็นเพียงกระทรวงเดียวที่มีเงินนอกงบประมาณประเภทที่ 2 ซึ่งใช้ระเบียบที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง” และยังย้ำอีกว่า “ควรมีข้อมูลรายละเอียดของเงินนอกงบประมาณมาแสดงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณ” โดยในปี 2567 ก็มีการตั้งข้อสังเกตเช่นกัน ว่ามีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 4.6 หมื่นล้าน ย้อนกลับไปปี 2566 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท ส่วนปี 2565 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมหาศาลในระดับ 1.4 ล้านล้านบาท โดยคณะกรรมาธิการฯ มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องเดิมทุกปี ก็คือเงินนอกงบประมาณไม่สามารถตรวจสอบได้และมีความซ้ำซ้อน และขาดความโปร่งใส ซึ่งตนขอตั้งคำถามว่าในฐานะผู้แทนราษฎร เราทำได้แค่ตั้งข้อสังเกตแล้วมองตาปริบๆ มากี่ปีกันแล้ว แล้วเราจะสังเกตกันแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่ วิโรจน์กล่าวต่อไปว่านอกจากนี้ จากรายงานที่คณะกรรมการกฤษฎีการวบรวมความเห็นหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ มีแต่ระบุเหตุผลในเรื่องความคล่องตัว แต่ไม่มีหน่วยงานใดเลยชี้แจงว่าจะสร้างความโปร่งใสและลดความซ้ำซ้อนของการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณที่คณะกรรมาธิการฯ ทุกชุดทุกปีตั้งข้อสังเกตได้อย่างไร ในฐานะ สส. เราทำได้มากกว่าการจ้องแล้วตั้งข้อสังเกต เราสามารถแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ ให้การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมีความโปร่งใสได้ โดยที่เราไม่ต้องมาสังเกตแล้วได้แค่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ถอนหายใจ แล้วทำอะไรไม่ได้ “ผมขอร้องเพื่อนสมาชิก ขอให้เราทุกคนร่วมกันยืนหยัดกล้าหาญที่จะรับร่างกฎหมายฉบับนี้ เหมือนตอนที่เราโหวตเห็นด้วยกับข้อสังเกตของ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เป็นเอกฉันท์กันแทบทุกปี ถ้าไม่ทำเพื่อจัดการเงินนอกงบประมาณให้โปร่งใส ในปีต่อ ๆ ไปเราไม่ต้องมาตั้งข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว ผมเสนอว่าพอถึงหน้าเงินนอกงบประมาณให้เอาแถบสีดำคาดเอาไว้ แล้วพิมพ์เอาไว้ว่าไม่มีข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว เพราะไม่รู้จะสังเกตไปเพื่ออะไร” วิโรจน์กล่าว ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมอภิปรายก่อนที่จะมีการลงมติ โดยในตอนหนึ่งได้กล่าวว่าวันนี้จะมีมติอย่างไรออกมาตนเองยังไม่ทราบ แต่เมื่อมีมติวิปแล้วต้องปฏิบัติตาม วันนี้ตนเองไม่ขออยู่ในที่ประชุม ก็คือจะออกเสียงในการงดใช้สิทธิ พ.ร.บ.ฉบับนี้หากมีโอกาสเป็นผู้แทนราษฎรแล้วเราไม่แก้ไข เงินนอกงบประมาณก็จะเป็นข้อสังเกต เป็นไส้ติ่งของ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทุกปี ตนพูดด้วยความเจ็บปวด บางทีเป็น สส. ฝ่ายรัฐบาลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เราจับการทุจริตซึ่ง ๆ หน้าได้แล้วเราไม่ทำต่อ เราจะเป็นผู้แทนราษฎรที่สง่าผ่าเผยได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เมื่อการอภิปรายสิ้นสุดลงเข้าสู่การลงมติในวาระ 1 ปรากฏว่าสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมาก ได้ลงมติไม่เห็นชอบกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ เป็นผลให้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐเป็นอันตกไป #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์

‘นฤมล’ เซ็นตั้ง 5 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกร […]

"ภูมิธรรม" บอก ไร้ตั๋วแต่งตั้ง "ผบ.ตร.-เลขา สมช." ลั่นเพิ่งเข้า มีที่ไหน ย้ำ "โผทหาร" หาทางออกร่วมกันให้กองทัพเดินหน้า The post ไร้ตั๋วตั้ง ผบ.ตร.- เลขา สมช. ขณะโผกองทัพจบไม่มีปัญหา appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

DEEPSOUTH: จนท.เข้าตรวจหาพยานหลักฐานจุดเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด ทหารพราน 33 ที่ อ.บันนังสตา วานนี้ พบ จนท.จอดรถจุดที่เดิมเป็นประจำ ทำให้คนร้าย ฝังระเบิดแสวงเครื่องระเบิดรถยนต์หุ้มเกราะเละ จากกรณีที่เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ก่อเหตุลอบวางระเบิดรถยนต์หุ้มเกราะ จนท.ทพ ฉก.33 ขณะปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ บ.บาเจาะ ม.2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุให้ จนท.ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย และถูกนำตัวส่ง รพ.ศูนย์ยะลา เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ยะลา พร้อมด้วย ชุดพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อเก็บพยานหลักฐาน จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องแบบประกอบเองบรรจุในถังแก๊สหุงต้มขนาด 4 กก. ฝังไว้กลางถนนลูกรัง ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าสวนของชาวบ้าน เมื่อรถยนต์ของ จนท.เข้าจุดจอดพักคอยดังกล่าวจึงได้ทำการจุดระเบิดขึ้นด้วยวิทยุสื่อสาร ทำให้รถยนต์หุ้มเกราะถูกแรงระเบิด ได้รับความเสียหายทั้งคัน จนท.ทหารที่อยู่ในจุดเกิดเหตุได้รับบาดเจ็บทันที 4 นาย ส่วนวัตถุพยานที่ตรวจพบในจุดเกิดเหตุมีหลายรายการ ประกอบด้วย 1.ภาชนะบรรจุ / ถังแก๊สสีส้ม ขนาด 4 กก. 2.ระบบการจุด/วิทยุสื่อสาร ยี่ห้อ BAOFENG พร้อมวงจรถอดรหัส 3.ดินระเบิดหลัก 4.เหล็กเส้นตัดท่อน ขนาด 9 มม. คละความยาว 5.แบตเตอรี่ 1.5 โวลต์ 6.สายไฟฟ้าสีเทา CABLE สีเทา เจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน นำไปตรวจพิสูจน์สารปนเปื้อนพันธุกรรม เพื่อตรวจประวัติอาชญากรรมกลุ่มคนร้ายเป้าหมาย โดยในเบื้องต้นจะนำเทียบกับพยานหลักฐาน จากเหตุระเบิดคาร์บอมแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา สำหรับจุดเกิดเหตุดังกล่าว จนท.ได้ใช้จอดรถยนต์เป็นประจำ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน และดูแลความปลอดภัยให้คณะครูในช่วงเช้า ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายได้เฝ้าจบตาดูการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เมื่อสบโอกาสจึงได้ลงมือก่อเหตุ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์

SPORT: TOYOTA GAZOO Racing Thailand ซิ่งมาราธอน 6 ชม. คว้าแชมป์ ‘RAAT 2024’ ปิดฤดูกาลที่ จ.บุรีรัมย์ “TOYOTA GAZOO Racing Thailand” โชว์พลังความแกร่งในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรูปแบบมาราธอน “ชิงแชมป์ประเทศไทยถ้วยพระราชทานประจำปี 2567” รายการ RAAT Thailand Endurance Championship 2024 สนาม 3 ปิดฤดูกาล ขึ้นโพเดียมอันดับ 1 และ 3 แบบ Overall และรุ่น Touring Car พร้อมตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยถ้วยพระราชทานประจำปี 2567 ไปครอง ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ วันที่ 14-15 กันยายน 2567 TOYOTA GAZOO Racing Thailand จัดเต็มสนามมาราธอนทางเรียบนัดปิดฤดูกาล ชิงถ้วยแชมป์สนามและแชมป์ประจำปีถ้วยพระราชทาน 2567 สู้สุดเดือดทั้ง 3 รุ่น หวดยาว 6 ชม. จบการแข่งขันผลปรากฏว่า รุ่น Touring Car ใช้รถ Toyota Corolla Altis GR Sport Nürburgring รถหมายเลข 19 ขับโดย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ และมานัต กุละปาลานนท์ ทำผลงานเยี่ยมตั้งแต่ควอลิฟายด์ได้ตำแหน่ง Pole Position จากกริดสตาร์ท ลงสนามจริง จบการแข่งขันคว้าอันดับ 1 ของรุ่น Touring Car และแบบ Overall วิ่งรวม 168 รอบสนาม และรับตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยถ้วยพระราชทานประจำปี 2567 ไปครอง ด้านรถหมายเลข 20 ขับโดย ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ, กรัณฑ์ ศุภพงษ์ และ เฉิน เจี้ยน หงษ์ จบการแข่งขันในอันดับที่ 3 ของรุ่น และแบบ Overall วิ่งรวม 167 รอบสนาม รุ่น Compact ทีมใช้รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง CARBON NEUTRAL FUEL ด้วยรถหมายเลข 37 รถ Yaris 1.5 Turbo Carbon Neutral Fuel ขับโดย อัครพงษ์ อัคนีนิโรธ, กฤษฎิ์ วสุรัตน์ และชิบะ เคนทาโร่ จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 1 ของรุ่น และอันดับ 5 แบบ Overall วิ่งรวม 162 รอบสนาม และรถ Yaris 1.5 Turbo Carbon Neutral Fuel หมายเลข 23 ขับโดย ธัญชนก เจริญสุขะวัฒนะ, ณ ดล วัฒนธรรม และ นรรัศมิ์ อภิวาท จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 4 ของรุ่น และอันดับ 8 แบบ Overall วิ่งรวม 161 รอบสนาม รุ่น Super NZ LADY ส่งรถ Yaris ATIV Lady หมายเลข 89 ขับโดย กิติยา สมิตชาติ และ ทิพวรรณ ภู่ระยับ จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 3 ของรุ่น และ 26 แบบ Overall วิ่งรวม 137 รอบสนาม TOYOTA GAZOO Racing Thailand มีตารางแข่งต่อในช่วงเดือนธันวาคมส่งท้ายปี กับรายการ Thailand Super Series 2024 อีเว้นท์ปิดฤดูกาล วันที่ 13-15 ธันวาคม 2567 และรายการ Idemitsu Super Endurance Southeast Asia Trophy 2024 วันที่ 20-22 ธันวาคม 2567 ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ https://www.thereporters.co/sport/1809241507/ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #TOYOTAGAZOORacingThailand #RAAT2024 “TOYOTA GAZOO Racing Thailand” โชว์พลังความแกร่งในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรูปแบบมาราธอน “ชิงแชมป์ประเทศไทยถ้วยพระราชทานป...

[LIVE]: พิธีลงนาม MOU กระทรวงพาณิชย์รัฐบาลไทย - รัฐบาลราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ ด้านหุ้นส่วนการค้า #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว #กระทรวงพาณิชย์ #พิชัยนริพทะพันธุ์

ปลัดมท. ลงพื้้นที่ตรวจระบบชลประทานสงขลา สั่งเตรียมพร้อม […]

“เอกนัฏ” จัดทัพซี 10 รวม 4 ตำแหน่ง เฟ้นอธิบดี กรอ.คนใหม […]

‘นายกฯ’ ชื่นชมกองทัพเป็นที่พึ่งของประชาชนยา […]

POLITICS: กมธ.ชาติพันธุ์ฯ เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ต่อสภาฯ พิจารณาวาระ 2 และ 3 เชื่อสภาฯ ให้ความเห็นชอบ หวังไทยก้าวสู่สังคมพหุวัฒนธรรม โอบรับคนทุกกลุ่มอย่างเสมอภาค วันนี้ (18 ก.ย. 67) นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... ว่า การขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ถือเป็นวาระสำคัญของประเทศที่ทุกภาคส่วนทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคการเมือง และภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมผลักดัน ถือเป็นความก้าวหน้าของประเทศที่จะก้าวสู่สังคมพหุวัฒนธรรมที่โอบรับคนทุกกลุ่มวัฒนธรรมไว้อย่างเสมอภาคกัน ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการยกร่างขึ้นใหม่ทั้งฉบับเป็นครั้งแรก มีเจตนารมณ์ให้เป็นกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิทางวัฒนธรรม และเพื่อคุ้มครองสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ให้สามารถดำรงวิถีชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โดย กมธ.ได้นำเนื้อหาจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับต่าง ๆ มาบัญญัติรวมไว้ในร่าง พ.ร.บ.ของคณะรัฐมนตรี ซึ่งใช้เป็นหลักในการพิจารณา พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.แบ่งเป็น 6 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 หลักพื้นฐานแห่งสิทธิและการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งมีบทบัญญัติรับรองให้กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอย่างครบถ้วน ทั้งสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสวัสดิการสังคมที่มีคุณภาพ ส่วนที่ 2 กลไกการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ มีกลไก 2 ระดับ ประกอบด้วย กลไกระดับนโยบาย และ กลไกระดับปฏิบัติการ ส่วนที่ 3 การจัดตั้งสภากลุ่มชาติพันธุ์แห่งประเทศไทย ส่วนที่ 4 การจัดทำฐานข้อมูลวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์ ส่วนที่ 5 การจัดตั้งเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดยคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า การกำหนดพื้นที่คุ้มครองไม่ใช่เป็นการให้สิทธิพิเศษแก่กลุ่มชาติพันธุ์ การกำหนดพื้นที่นี้จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อมีข้อตกลงร่วมกันระหว่างชุมชนและหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ ซึ่งจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพื้นที่แต่อย่างใด ส่วนที่ 6 บทกำหนดโทษ ซึ่งกำหนดไว้เพื่อคุ้มครองชาติพันธ์ไม่ให้โดนเหยียดหยาม สร้างความเกลียดชัง หรือเลือกปฏิบัติ สำหรับการยกร่างพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีเป้าหมายสำคัญในการเปลี่ยนพื้นที่ความเห็นต่างให้เป็นพื้นที่สร้างความสัมพันธ์ สานพลังสังคมพหุวัฒนธรรมตามหลักการสากลเป็นสำคัญ พร้อมเชื่อว่าสภาฯ จะให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ปิยะรัฐชย์ติยะไพรัช #กฎหมายชาติพันธุ์ #กมธชาติพันธุ์ #กลุ่มชาติพันธุ์ #พหุวัฒนธรรม #สิทธิมนุษยชน

นายกฯ สั่งเร่งขยายพื้นที่ปลอดยาเสพติดจาก 25 จังหวัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ กำชับทำโมเดลให้ความรู้การศึกษาในเรือนจำ จัดทำเป็นนโยบาย Zero Dropout The post นายกฯ สั่งเร่งขยายพื้นที่ปลอดยาเสพติด appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

UPDATE: เด็กไทยเจ๋ง คว้า 9 เหรียญสุดยอดแข่งขันฝีมือเวทีระดับโลก “พิพัฒน์” อัดฉีดรางวัลมูลค่ารวมกว่าล้านบาท รมว.แรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นประธานมอบรางวัล ใบเกียรติบัตรผู้เข้าแข่งขัน WorldSkills Lyon 2024 และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนการแข่งขันฯ หลังเยาวชนสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยคว้า 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงินและ 7 เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม พร้อมอัดฉีดรางวัลรวมมูลค่ารวมกว่าล้านบาท โดยมีนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 47 ที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลในเวทีระดับโลกมาได้ นี่คือความสำเร็จในการแสดงความสามารถและศักยภาพของเยาวชนไทยที่มีทักษะฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก และขอเป็นกำลังใจให้เยาวชนทุกคนที่พลาดเหรียญรางวัลในครั้งนี้ แต่ทุกคนมีประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้ นอกจากนี้ต้องยอมรับ เยาวชนทั้ง 22 คน เป็นสุดยอดฝีมือและเป็นแรงงานของประเทศไทยที่มีคุณภาพระดับสากล ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ มีการแข่งขันทั้งหมดถึง 59 สาขา ประเทศไทยส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 19 สาขา รวม 22 คน มีประเภททีม 3 สาขา ผลการแข่งขันเป็นที่น่าพอใจ จากนี้จะต้องมองถึงการแข่งขันในอนาคต การส่งเสริมให้เยาวชนมีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองในสาขาอื่น ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่ต้องนำมาปรับใช้กับแรงงานไทยสำหรับการจัดส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งต่อไปจะเป็นสาขาอะไรบ้าง หรือเพิ่มจำนวนสาขาการจัดส่งเข้าแข่งขันหรือไม่นั้นต้องดูหลายปัจจัย เช่น เศรษฐกิจ ทิศทางความต้องการแรงงาน ความพร้อมของเยาวชนและหน่วยงานผู้สนับสนุนตั้งแต่การเก็บตัวฝึกซ้อมจนถึงการเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศ จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญที่เข้าสังเกตการณ์การแข่งขันในครั้งนี้ สาขาที่ประเทศไทยมีความโดดเด่น อีกทั้งรัฐบาลให้การสนับสนุนให้มีการพัฒนาให้มากขึ้น คือสาขาอาชีพภาคการท่องเที่ยว ดังนั้น สาขาอาชีพที่คาดว่าจะสามารถจัดส่งเยาวชนไทยเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งต่อไปได้ คือ สาขาสปาเพื่อความงาม และสาขาบริการด้านโรงแรม สำหรับในด้านอื่น ๆ เช่น การขนส่งหรือโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน กลุ่มการสื่อสาร เป็นสาขาอาชีพที่มีแนวโน้มตลาดแรงงานมีความต้องการสูงเช่นกัน ในส่วนนี้ต้องมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หารือร่วมกับเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคตต่อไป นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า การจัดส่งเยาวชนเข้าแข่งขันฝีมือแรงงานในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จได้ต้องขอขอบคุณหน่วยงานผู้สนับสนุนทุกหน่วย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา ที่สนับสนุนทั้งด้านงบประมาณ เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุและอุปกรณ์ สถานที่เก็บตัวฝึกซ้อม รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาช่วยบ่มเพาะเยาวชนให้มีความพร้อมก่อนการแข่งขัน ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยจึงเกิดจากทุกภาคส่วนร่วมแรง ร่วมใจ พร้อมที่จะสนับสนุนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนด้านการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศไปได้ ด้านนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือและให้การสนับสนุนอย่างดียิ่งจากหลายหน่วยงาน ทั้งสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน อาทิ บริษัท Denso International Asia co.ltd บริษัท เค คอนซัลติ้ง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี มูลนิธิเอสซีจี บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียร์ริ่ง แอนด์ เมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาลัยดุสิตธานี เป็นต้น และในวันนี้ได้จัดพิธีมอบเงินรางวัล รวมมูลค่า 1,098,000 บาท ประกอบด้วย ประเภทเดี่ยว เหรียญทอง 372,500 บาท เหรียญเงิน 248,500 บาท เหรียญทองแดง 124,000 บาท เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม 51,000 บาท น้อง ๆ ที่ไม่ได้รับเหรียญรางวัลจะได้รับทุนการศึกษาคนละ 10,000 บาท ส่วนประเภททีม เหรียญทอง 745,000 บาท เหรียญเงิน 497,000 บาท เหรียญทองแดง 248,000 บาท เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม 102,000 บาท และรางวัลปลอบใจเป็นทุนการศึกษาทีมละ 20,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีภาคเอกชนมอบเงินเป็นรางวัลของความทุ่มเทและเสียสละให้แก่น้อง ๆ ผู้เข้าแข่งขันอีกด้วย และในอีก 2 ปีข้างหน้า ปี พ.ศ. 2569 การแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 48 จะจัดขึ้น ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงเวลาต่อจากนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จะทำการคัดเลือกเยาวชนรุ่นใหม่เพื่อเตรียมเก็บตัวฝึกซ้อมเข้าแข่งขันในครั้งต่อไป #TheReporters #เดอะรีพอร์เตอร์ #กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

นายกฯ เรียกผู้ว่าฯ ททท. หารือแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวปี 68 ย้ำเม็ดเงินต้องกระจายลงทุกพื้นที่ ด้านผู้ว่าฯ ททท. เตรียมเสนอแผนท่องเที่ยว 1-2 สัปดาห์นี้ พร้อมหนุนหากต้องนำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง มาปรับกระตุ้นการท่องเที่ยว The post นายกฯ ถกแผนกระตุ้นท่องเที่ยวปี 68 กระจายเม็ดเงินทุกพื้นที่ appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

UPDATE:เทศบาลเมืองหนองคาย รายงานล่าสุด นัำลดหลายจุดในเขตถ.ประจักษ์-สถานีขนส่ง-ถนนริมโขง วันที่ 18 กันยายน 2567 เวลา 15.15 น. เทศบาบเมืองหนองคาย รายงานว่า ถนนริมโขง บริเวณหน้าพระธาตุหล้าหนอง อ.เมือง จ.หนองคาย ระดับน้ำลดลงแล้ว แต่ขอความร่วมมือประชาชนห้ามเข้าในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ ถ.ประจักษ์ศิลปาคม หน้าวัดโพธิ์ชัย ตลาดโพธิ์ชัย และ หน้าสถานีขนส่งหนองคาย น้ำลดลงแล้ว หลังเริ่มท่วมตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.67 เป็นเวลา 5 วัน มีร่องรอยดินโคลน ที่เตรียมทำความสะอาดฟื้นฟูต่อไป ที่มา: เทศบาลเมืองหนองคาย https://www.facebook.com/share/p/5YuSfAC4UAVzD5vF/?mibextid=WC7FNe #TheReporters #เดอะรีพอร์เตอร์ #น้ำท่วมหนองคาย

POLITICS: นายกฯ สั่งการขยายโมเดลแก้ยาเสพติดในพื้นที่เชียงใหม่ - สกลนคร - ประจวบคีรีขันธ์ - นราธิวาส - ระยอง ก่อนทำครอบคลุมทั่วประเทศ ขอให้ทบทวนงบประมาณ เพื่อลดค่าใช้จ่าย วันนี้ (18 ก.ย. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พร้อมมีข้อสั่งการ ว่า อยากให้ขยายโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ ของพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดสกลนคร ในพื้นที่ภาคอีสาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคกลาง จังหวัดนราธิวาส ภาคใต้ จังหวัดระยอง ในภาคตะวันออก และถ้าเห็นว่ามีจังหวัดไหนควรเพิ่มเติม ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ และอีกหน่อยจะได้ครอบคลุมทาง 77 จังหวัดโดยเร็ว นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เรื่องการจับผู้เสพมารักษา อยากให้มีการทำฐานข้อมูลอย่างไรได้บ้าง ในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย และต้องเป็นความลับเพราะไม่อยากมีประวัติไม่ดี เราไม่มีความตั้งใจแบบนั้น แต่อยากให้เก็บข้อมูล เพื่อที่จะไม่ได้ทำงานซ้ำซ้อน ถ้าทำแล้วออกมาไม่จบลูป ก็ต้องทำใหม่ ซึ่งลองเสนอแผนมาก่อนก็ได้ ส่วนการขยายไปในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ อยากให้ทบทวนใหม่เรื่องของกระบวนการ และค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะเข้าใจดีว่า 25 จังหวัดแรกเป็นการนำร่อง ทุกคนได้เรียนรู้ อย่างเรื่องการตรวจปัสสาวะ 9 ครั้ง ซึ่งเมื่อสักครู่คุยกันแล้วว่า ไม่จำเป็น ถ้าเราขยายวัน และเวลา หัวและต้น ก็มีวันที่แสดงผล จะมีอะไรที่สามารถประหยัดต้นทุนในส่วนนี้ เพื่อให้ทำโมเดลเหล่านี้ได้อีกเยอะ ๆ และเป็นการประหยัดงบไปด้วย จึงอยากให้หาจุดสมดุลในส่วนนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า คนอีก 200,000 คนนอกระบบ ทั้งเรื่องเจ้าหน้าที่ที่ต้องตรวจ ปัสสาวะ เป็นการรีเอ็กซเรย์ทั้งหมด และต้องรวมทุกหน้าที่ ก็ขอให้มีความชัดเจนมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การศึกษาในเรือนจำ อย่างที่เห็นได้ชัดว่า เมื่อเข้าไปในเรือนจำคนที่มีเปอร์เซ็นต์ติดยาเสพติด คือคนที่ได้รับการศึกษาน้อยอยู่ ดังนั้น จะมีการแก้ปัญหานี้อย่างไร อาจเป็นแผนที่ลองสร้างโมเดลขึ้นมา และนำมาพิจารณาช่วยกันว่าจะไปทางไหนต่อ จะได้นำเรื่องนี้ไปแก้ไข และเป็นนโยบายซีโร่ดรอปเอาท์ด้วย นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า สิ่งที่ต้องการทำให้มากขึ้น คือการรับรู้ของประชาชน เมื่อสักครู่ยังไม่มีแผนในเรื่องนี้เลย ซึ่งรอนัดประชุมในวงประชุมที่รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพราะอยากทราบว่าจะสื่อสารอย่างไรได้บ้าง ไม่ใช่แค่การแสดงผลงาน แต่เป็นการสร้างระมัดระวังให้สังคมว่า เราทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง และปรับแล้วจริง ๆ เท่าไหร่ อยากได้ภาพที่จบทั้งลูป ว่าจับแล้วกี่ราย จับแล้วไปไหน ทำลายไปเท่าไหร่ เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องสงสัย สิ่งนี้ควรทำให้ชัดเจน ส่วนเรื่องการยึดทรัพย์ ขอให้ทำระเบียบที่ชัดเจนออกมา ขอพูดจริงจัง ว่าต้องยึดทรัพย์อย่างจริงจัง ไม่งั้นจะทำงานซ้ำเรื่อย ๆ แล้วแต่ท่านจะทำมา เพราะลงพื้นที่ไปแล้ว ก็เห็นว่าควรจะทำประมาณไหน จึงอยากให้กลับมาพูดคุยกัน และข้อสังเกตในวันนี้ถ้ามีการอัพเดทอย่างไรก็ขอให้ตนเองได้เข้าประชุมด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งเป้าให้ข้าราชการยึดทรัพย์สินได้ต่อปี ว่า เดี๋ยวจะนำเรื่องนี้มาพิจารณาอีกที แต่ยึดทรัพย์ เป็นสิ่งที่เรากำลังมุ่งไป ส่วนจะยึดเท่าไหร่ กำหนดอย่างไรและจะขอพูดคุยกันในกลุ่มละกี่ครั้งเพื่อไม่ให้เสียเวลา รายงาน: สริตา เรืองจิต ภาพ: ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #นายก #นายกรัฐมนตรี #แพทองธาร #แพทองธารชินวัตร #ยาเสพติด

‘ปิยะรัฐชย์’ แถลงเปิด 6 สาระสำคัญร่างกฎหมาย […]

“พี่สาววันเฉลิม” ร้อง “กมธ.มั่นคง” หลัง ถูก […]

นายกฯสั่งอำนวยความสะดวกประชาชน ที่บัตรปชช.-ทะเบียนหายพร […]

UPDATE: พ.ต.อ.ทวี เปิดงานสัมมนาสัปดาห์การระงับข้อพิพาททางเลือก ชี้ กระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือก ต้องทันท่วงที และเป็นธรรม เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงความยุติธรรม วันนี้ (18 ก.ย. 67) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงานสัมมนานานาชาติ สัปดาห์การระงับข้อพิพาททางเลือก ปี 2567 (Thailand ADR Week 2024) โดยมีวิทยากรที่จากทั่วโลก รวมถึงผู้แทนองค์กรเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เข้าร่วมงาน ณ โรงแรม อนันตรา สยาม ราชดำริ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า งานสัมมนาสัปดาห์การระงับข้อพิพาททางเลือก จัดครั้งแรกในปี 2561 ว่าด้วยเรื่องโอกาสใหม่ ๆ สำหรับ การบูรณาการระบบการระงับข้อพิพาททางเลือก ซึ่งจัดขึ้นร่วมกับคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายการค้าระหว่างประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งในเรื่องการบูรณาการจะรวมหัวข้อกลไกกระบวนการระงับข้อพิพาท ระหว่างรัฐกับนักลงทุนต่างชาติ, ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการระงับข้อพิพาททางเลือก และการบูรณาการกฎหมาย ว่าด้วยการอนุญาโตตุลาการ ซึ่งยังคงมีความสำคัญเช่นเดิมอย่างที่เคยเป็นเมื่อปี 2561 พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า โลกภายหลังโรคระบาดโควิด-19 ก่อให้เกิดปัญหาการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาต่าง ๆ และสถานการณ์ฉุกเฉินอาจก่อให้เกิดอุปสงค์จำนวนมากสำหรับสินค้าบางชนิดโดยฉับพลัน สถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ต้องการการตอบสนองอย่างเข้มแข็งจากกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือก เพื่อการระงับข้อพิพาทได้อย่างทันท่วงที และเป็นธรรม จึงต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งกลุ่มกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกได้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ในสองแง่มุม ทางแรก คือ การพัฒนาเทคโนโลยี นำมาปรับใช้กับกลไกการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ เพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปช่วงโรคระบาดโควิด-19 ตลอดจนใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดให้สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาคดีได้เสมือนจริง พร้อมด้วยกระบวนการที่ชอบธรรมและการป้องกันข้อมูลต่าง ๆ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในกระบวนการอนุญาโตตุลาการและการประนอมข้อพิพาท เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงความยุติธรรม รวมถึงลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการได้อีกทางหนึ่ง อีกหนึ่งปัจจัย คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาวะสิ่งแวดล้อมอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การระงับข้อพิพาททางเลือกสามารถพัฒนาในเรื่องการปรับเปลี่ยนกระบวนการให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาคดีแต่ละคดี ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งเกิดผลต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยคดีอนุญาโตตุลาการนอกศาลที่ไทยมีจำนวนกว่า 3,000 คดี ในปีที่ผ่านมา “งานสัมมนาครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้มีการรวมตัวกันระหว่างผู้พิพากษา ผู้กำหนดนโยบาย สถาบันอนุญาโตตุลาการ ผู้ประกอบวิชาชีพการระงับข้อพิพาททางเลือก นักวิชาการ และผู้ใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทในเวทีเดียวกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นที่สำคัญซึ่งจะกำหนดแนวทางสำหรับการระงับข้อพิพาททางเลือกต่อไป ซึ่งรวมถึงประเทศไทยเช่นเดียวกัน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ทวีสอดส่อง #ThailandADRWeek2024 #สัปดาห์การระงับข้อพิพาททางเลือก

[LIVE]: นายกฯ เป็นประธานมอบนโยบายประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

“กมธ.กฎหมาย” แถลงความคืบหน้า สอบสลายม็อบเสื้อแดง ปี 53 […]

สามารถ สวน เด็จพี่ ร้องเรียนบิ๊กป้อม ชี้กลับไปดูพรรคตัว […]

นายกฯ คิกออฟแก้ยาเสพติด ชู 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วน ยก ‘ธ […]

หน่วยทหารเร่งช่วยน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ จ.ลำปาง พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด The post ทบ. ช่วยผู้ประสบภัยน้ำป่าลำปาง appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

วันนี้ (18 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา สิตานัน สัตย์ศักดิ์ส […] The post สิตานัน พี่สาว ‘วันเฉลิม’ ร้อง กมธ. หลังถูกขึ้นบัญชีเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ appeared first on THE STANDARD.

“นายกฯ แพทองธาร” ประชุมมอบนโยบายคณะกรรมการ ป.ป.ส. ยันรัฐบาลให้ความสำคัญแก้ปัญหายาเสพติด บรรจุเป็น 1 ใน 10 เรื่องเร่งด่วน เตรียมขยายผล 25 จังหวัดนำร่อง มุ่งบำบัดให้ผู้ติดยาเสพติดกลับสู่สังคม The post นายกฯ ยันรัฐบาลให้ความสำคัญแก้ปัญหายาเสพติด appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

รมว.แรงงาน ยันเดินหน้าประชุมขึ้นค่าแรง 400 บาท 20 ก.ย.นี้ ชี้หากนายจ้างไม่มา สามารถใช้เสียง 2 ใน 3 ได้ ไม่หนักใจหากถูกร้องเรียน The post “พิพัฒน์” เดินหน้าถกไตรภาคีขึ้นค่าแรง 400 บาท appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

POLITICS: นายกฯ มอบนโยบาย คณะกรรมการป้องกันยาเสพติด สานต่อ ธวัชบุรี - ท่าวังผา โมเดล ขอนำบทเรียนมาทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ วันนี้ (18 ก.ย. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้ประชุมเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญของประเทศ เป็นปัญหาพื้นฐานที่จะพัฒนาเศรษฐกิจต่อไปได้ จากการลงพื้นที่มาหลายจังหวัด ได้รับเสียงสะท้อนมาตลอดเรื่องปัญหายาเสพติด จากพี่น้อง และ สส. ถือเป็นปัญหาที่หนักหน่วง ทำลายสุขภาพจิต สร้างปัญหาครอบครัว โดยรัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็น 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตั้งแต่มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม จังหวัดเข้มข้น 25 จังหวัด ที่เราโฟกัส และวัดผลออกมาแล้ว จะเห็นการร่วมมือกันอย่างทุ่มเท และจริงจัง ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ หน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะ ป.ป.ส. ที่ให้ความร่วมมือเต็มที่ เห็นการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนใน 25 จังหวัดนี้ ก็พึงพอใจ ทำให้ได้ทราบว่าสามารถจับผู้ผลิตรายใหญ่ได้หลายราย และจับรายเล็กได้ด้วย ทำให้ยาเสพติดน้อยลง ประชาชนรู้สึกปลอดภัยขึ้น และมีความพึงพอใจมากขึ้น อยากให้จัดเฟส และรีบขยายจำนวนจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเร็ว นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ขอความช่วยเหลือเรื่องนี้มา เราต้องทำต่ออย่างเข้มแข็ง เช่น ธวัชบุรีโมเดล จังหวัดร้อยเอ็ด และท่าวังผาโมเดล จังหวัดน่าน ที่ทำแล้วได้ผลมาก ๆ มีการคุยเรื่องปัญหาชายแดน เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้ามา นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การมอบยุทโธปกรณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และมีการขับเคลื่อนต่อไป และจะนำบทเรียนจาก 25 จังหวัดมาทำต่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อะไรที่แล้วก็ทำต่อไป แต่ถ้าอะไรที่บดขั้นตอนได้ ก็ทำให้มันสั้นลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น “ตอนนี้เราก็มุ่งเน้นการปราบปราม บำบัดเยียวยา ตลอดจนการให้ผู้เสพกลับคืนเข้าสู่สังคมได้ พร้อมประกอบอาชีพหลังบำบัดหายแล้ว เพราะบางคนหลังบำบัดหายแล้ว ก็กลับไปพึ่งยาเสพติดอีกครั้ง เราก็พยายามจบปัญหาตรงนี้ให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว รายงาน: สริตา เรืองจิต ภาพ: ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #นายก #นายกรัฐมนตรี #แพทองธาร #แพทองธารชินวัตร #ยาเสพติด

"พี่สาววันเฉลิม" ร้องกมธ. มั่นคงฯ หลังถูกคุกคาม ขึ้นบัญชีดำอ้างเป็นภัยความมั่นคง "โรม" หวัง คืนความยุติธรรมไร้อุ้มหายซ้อมทรมานอีก The post “โรม” หวังคืนความยุติธรรม ไร้อุ้มหาย-ซ้อมทรมาน appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

ปลัด กทม. ยันน้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 แต่หวั่น Rain Bomb ทำน้ำขังบางจุด The post ปลัด กทม. ยันน้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

ปลัด กทม. มั่นใจน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ ซ้ำรอยปี’54 หว […] อ่านข่าวต้นฉบับ: ปลัด กทม. มั่นใจน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ ซ้ำรอยปี 54 หวั่น Rain Bomb ขังบางจุด

POLITICS: ‘นพดล’ ชม ‘แพทองธาร’ แต่งตั้งคณะที่ปรึกษานายกฯ ที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญรอบด้าน เชื่อ สามารถผลักดันนโยบายที่แถลงต่อสภาฯ ได้สำเร็จ สร้างโอกาสให้คนไทยชีวิตดีขึ้น นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังที่นายกรัฐมนตรีตั้งคณะที่ปรึกษาด้านนโยบาย 5 คน ว่าชื่นชมวิจารณญาณในการเลือกคนของนายกฯ เนื่องจากบุคคลที่ตั้งมีประสบการณ์เชี่ยวชาญ โดย นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา เป็นผู้มีประสบการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการต่างประเทศ อย่างลึกซึ้ง รวมทั้ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ศ.ธงทอง จันทรางศุ และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ล้วนเป็นผู้มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ การสาธารณสุข และกฎหมาย เชื่อว่าจะสามารถช่วยนายกฯ และรัฐบาลด้านนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาในประเด็นสำคัญครบถ้วน นายนพดล กล่าวต่อว่า เวลาเกือบ 3 ปีที่เหลืออยู่ เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถผลักดันนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นในภาวะความเป็นผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และจิตวิญญาณของความเป็นแม่ที่ห่วงใยอนาคตของประเทศ อยากเห็นรัฐบาลใหม่เสมือนเป็นแพที่นำพาคนไทยไปข้างหน้า สร้างโอกาสทองให้กับคนไทย และเป็นกระแสธารแห่งความหวัง ถ้าทำตามนโยบายสำเร็จ ชีวิตของคนไทยจะดีขึ้นแน่นอน #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #นพดลปัทมะ #แพทองธารชินวัตร

PARLIAMENT: 'สามารถ' โต้ 'เด็จพี่' สภาฯ ไม่ใช่โรงลิเก ไล่ให้ไปตรวจสอบ สส.เพื่อไทย-นายกฯ ปมถือที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ก่อนร้องจริยธรรม 'พลเอกประวิตร' ขาดประชุม วันนี้ (18 ก.ย. 67) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้องพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ยื่นร้องจริยธรรมพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ขาดประชุมต่อเนื่องว่า นายพร้อมพงศ์คงลืมไปว่าที่นี่เป็นสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่โรงลิเก นายพร้อมพงศ์ควรตรวจสอบ สส.พรรคเพื่อไทยก่อนว่าคนไหนขาดประชุมหรือลาประชุม ไม่ใช่ตรวจสอบข้ามพรรค เพราะเวลาบริษัทจะตรวจสอบว่าพนักงานคนไหนกินเงินเดือน แต่ไม่ทำงานก็ต้องตรวจสอบบริษัทคนอื่นก่อน แต่ถ้าจะมาตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐควรลาออกจากพรรคเพื่อไทย และมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐก่อน แต่คิดว่าคุณสมบัตินายพร้อมพงศ์คงไม่ผ่านนายทะเบียน นายสามารถ ยืนยันว่าพลเอกประวิตรปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างถูกต้อง พลเอกประวิตรก็เป็น สส.เหมือนกับเพื่อนสมาชิกอีก 500 คน ใช้สิทธิตามข้อบังคับทุกประการ ส่วนข้อห่วงใยของนายพร้อมพงศ์ที่บอกให้พลเอกประวิตรระวังมิตรใกล้ชิดแทงข้างหลังนั้น คิดว่ามิตรอะไรที่บอกคงออกไปหมดแล้ว และคนนั้นไปอยู่ที่ไหน ขอให้นายพร้อมพงศ์ระมัดระวังตนเอง ส่วนเรื่องคลิปเสียงหลุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ดำเนินคดีกับนายพร้อมพงศ์แล้ว การที่นายพร้อมพงศ์มาร้องเรียนแบบนี้ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ควรตรวจสอบทุกคน รวมทั้ง สส.เพื่อไทย ไม่ควรเลือกปฏิบัติ พร้อมถามว่ามาตรวจสอบคนอื่นแถวบ้านเรียกว่าอะไร นายพร้อมพงศ์ จะต้องตรวจสอบคนอื่นด้วย เห็นไป ป.ป.ช.ก็ไม่เคยตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีชั้น 14 มาที่สภาฯ ก็ควรจะตรวจสอบ สส. พรรคเพื่อไทยว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ และที่สภามีรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ให้ สส. เข้าชื่อตรวจสอบคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีได้ โดยใช้ สส. 1 ใน 10 ซึ่งพรรคเพื่อไทยมี สส. 140 คน เหตุใดไม่เข้าชื่อตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถือที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ น่าจะขาดจริยธรรม มั่นใจ สส. พรรคพลังประชารัฐ 20 คน จะลงชื่อสนับสนุนด้วย นายสามารถ กล่าวต่อว่าคงไม่ต้องเตรียมหลักฐานเรื่องเวลาเข้าประชุมของพลเอกประวิตร เพราะท่านไม่เคยทำผิดข้อบังคับ แต่จะถามนายพร้อมพงศ์ว่าในเมื่อมาที่สภาฯ ที่เลือกนายกฯ และเป็นที่ตรวจสอบนายกฯ เหตุใดไม่ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร นา ว่าการถือครองที่ดินอัลไพน์ถูกต้องหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยเคยอภิปรายในสภาฯ ว่า มียายเจ้าของที่ดินมาเข้าฝัน ประชาชนได้ประโยชน์มากกว่าตรวจสอบการประชุมของพลเอกประวิตร เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ หรือหลับตาตรวจสอบพรรคคนอื่น แต่พรรคตนเองไม่ตรวจสอบ นายสามารถ ชี้แจงว่าถ้าพลเอกประวิตร ขาดเกิน 3 ครั้งโดยไม่ลาก็จะหลุดจาก สส.ทันที กระบวนการตรวจสอบมีอยู่แล้ว ข้อบังคับของสภาฯ บังคับใช้ สส.ทุกคน ไม่ได้เลือกใช้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง มีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน "ที่นี่คือสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่โรงลิเก ลิเกเล่นกลางคืนไม่เล่นกลางวัน“ นายสามารถ ทิ้งท้าย รายงาน: ณัฐพร สร้อยจำปา ภาพ: ธนทิพย์ เล้าสุทธิพงศ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์เตอร์ #สามารถเจนชัยจิตรวนิช #พร้อมพงศ์นพฤทธิ์

ภูมิธรรม นั่งปธ.ศปช. ปรับหลักเกณฑ์เยียวยาน้ำท่วม ยกเครื […]

POLITICS: ‘ปลัด กทม.’ มั่นใจน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ ซ้ำรอยปี 54 หวั่น “rain bomb” อาจทำน้ำขังบางจุด ขอความร่วมมือประชาชนไม่ทิ้งกากอาหารทำท่ออุดตัน วันนี้ (18 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ถึงการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ทาง กทม. ได้เตรียมความพร้อมไว้พอสมควร สิ่งที่พยายามทำมากขึ้นคือเรื่องของการแจ้งเตือน หากมีปริมาณฝนตกหนัก แต่สิ่งที่หนักใจตอนนี้คือ Rain bomb ในบางพื้นที่ หรือตกแช่ในบางแห่ง อาจจะมีน้ำท่วมขัง เนื่องจากระบบท่อระบายน้ำยังไม่มีการแก้ไข อย่างไรก็ตาม กทม.มีความพร้อมนับสถานการณ์ นางวันทนีย์ กล่าวขอความร่วมมือประชาชนให้เฝ้าฟังการแจ้งเตือน และขอความร่วมมือไม่ทิ้งขยะในแม่น้ำลำคลอง และทิ้งกากอาหารลงในท่อระบายน้ำ เนื่องจากจะเกิดตะกอนไขมันอุดตันท่อ ส่วนพื้นที่ก่อสร้างที่มีการกีดขวางทาง นางวันทนีย์ กล่าวว่า กองระบบคลอง กรุงเทพมหานคร ได้มีการดำเนินการคลี่คลายแล้วในหลายพื้นที่ แต่พื้นที่สาธารณะที่ยังมีปัญหาได้มีการทำบายพาสออกด้านข้างเรียบร้อยแล้ว แต่ทางฝั่งสมุทรปราการ อาจต้องมีการดูแลเพิ่มขึ้น พร้อมย้ำว่าทาง กทม. มีความพยายามอย่างเต็มที่ในการรับมือปัญหาน้ำท่วม นางวันทนีย์ ยืนยันว่า สถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ จะไม่ท่วมเหมือนปี 2554 เนื่องจากน้ำที่ท่วมอยู่ในบริเวณด้านบนของประเทศจะมีเขื่อนกักอยู่ ตอนนี้สิ่งที่ กทม.ทำคือการเตรียมความพร้อมที่จะไปช่วยภาคเหนือ แต่พื้นที่ใต้เขื่อน จะมีการเช็คระดับน้ำที่ปล่อยลงมาจากเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้เขื่อนยังสามารถรองรับน้ำได้ ส่วนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้มีการเสริมเขื่อนทรายกั้นน้ำในบริเวณที่ยังฟันหลอเป็นที่เรียบร้อย #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #กทม #น้ำท่วม

POLITICS: ‘พิพัฒน์’ ยัน เดินหน้าประชุมขึ้นค่าแรง 400 บาท ไม่กังวล ถูกฟ้องร้อง เผย 1 ต.ค. ได้รู้มาตรการเยียวยา วันนี้ (18 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นค่าจ้าง 400 บาท ทั่วประเทศ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ฝ่ายนายจ้าง ทั้ง 5 เสียง จาก 15 เสียง จะเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้อ้างติดภารกิจ ว่า ขณะนี้ได้ทำจดหมายเชิญแล้ว อยู่ที่ตัวแทนฝ่ายนายจ้างจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล ตนไม่สามารถก้าวก่ายได้ แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คณะกรรมการฝ่ายนายจ้างเข้ามาหารือกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะตามนโยบายตนก็หาแนวทางที่ดีที่สุด และให้มีผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงพูดคุยกับกระทรวงการคลัง เพื่อหาแนวทางในการเยียวยาแก่บริษัทที่ได้รับผลกระทบ เมื่อถามย้ำว่า หากวันที่ 20 ก.ย.นี้ 5 เสียงฝ่ายนายจ้าง ไม่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการไตรภาคีที่เหลือจะเดินหน้าพิจารณาเดินหน้าประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาท ให้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้ใช่หรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า หากนายจ้างไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งที่ 2 เราก็จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และดำเนินการประชุม โดยจะอ้างอิงเสียงการโหวต 2 ใน 3 ซึ่งหากฝ่ายลูกจ้างและฝ่ายข้างราชการ เข้าครบก็สามารถทำการโหวตได้ นายพิพัฒน์ ยืนยันว่า วันที่ 1 ต.ค. จะได้ค่าแรง 400 บาท เพราะเมื่อประกาศไปแล้ว ก็พยายามทำให้สำเร็จ ซึ่งก็เชื่อว่าฝ่ายลูกจ้างก็รอ และยอมรับว่ากระทบต่อนายจ้างพอสมควร เพราะตนเองก็มาจากภาคธุรกิจ ซึ่งบริษัทในเครือของเราก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน เพราะมีลูกจ้างประมาณ 30,000 คน ได้รับผลกระทบประมาณ 20,000 คน แต่ก็ยอมรับผลกระทบตรงนั้น แต่ก็ต้องดูว่ากระทรวงการคลัง จะเยียวยาผู้ประกอบการได้อย่างไร พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้มีมาตรการเยียวยาแล้ว โดยจะประกาศพร้อมกันในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งมาตรการเยียวยา ที่ปรับตามประกาศ พ.ศ.2555 เพื่อมาใช้ในปัจจุบัน นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงการถูกร้องเรียนจากนายจ้าง หากขึ้นค่าแรง ว่า ไม่เป็นอะไร ตนเองยินดีรับสิ่งที่พวกเรากระทำ และถือว่าทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งหากจะมีการฟ้องร้องหรือไปร้องเรียนศาลปกครอง เราก็พร้อมน้อมรับ และยืนยันว่าไม่หนักใจในเรื่องนี้ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #พิพัฒน์รัชกิจประการ #กระทรวงแรงงาน #ค่าแรงขั้นต่ำ #ค่าแรงขั้นต่ำ400บาท

HUMANITY: พี่สาววันเฉลิม ร้อง กมธ.ความมั่นคงฯ หลังถูกคุกคาม - ขึ้นบัญชีดำ เป็นภัยความมั่นคง วันนี้ (18 ก.ย. 67) นางสาวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ถูกบังคับให้สูญหาย ยื่นหนังสือต่อนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร หลังถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุกคาม นางสาวสิตานัน เปิดเผยว่าหลังจากที่นายวันเฉลิมถูกบังคับให้สูญหายในปี 2563 ตลอดระยะเวลา 4 ปีตนเองออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม จึงถูกคุกคาม ขึ้นบัญชีดำเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ ปีนี้ก็ถูกตำรวจที่ออกจากราชการไปแล้ว กักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ตนเองไปถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันที่ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา มาเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดวันที่ 5 ก.ย.67 วันผู้สูญหายสากล ก็ถูกสั่งห้ามจัดแสดงภาพของนายวันเฉลิมในพื้นที่จัดแสดง จึงตั้งคำถามว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ตามหาน้องชาย ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นภัยความมั่นคงได้อย่างไร นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะทนายความที่ติดตามคดีมาตั้งแต่ต้น ระบุว่าในฐานะนักสิทธิมนุษยชนมักจะถูกติดตามและคุกคามเป็นประจำ กรณีของนางสาวสิตานัน ผันตัวมาเป็นนักกิจกรรมเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่ก็ถือว่ายังเป็นผู้เสียหายที่ออกมาเรียกร้องสิทธิให้กับทุกคน เรามาเรียกร้องเรื่องความปลอดภัยของนักสิทธิมนุษยชนและทนายความที่ไม่สมควรถูกขึ้นบัญชีดำ เราอยากให้ทุกคนปลอดภัย การขึ้นบัญชีดำในรัฐบาลทหารเป็นการยอมรับโดยประเพณี แต่ขณะนี้มีรัฐบาลจากประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้ง การขึ้นบัญชีดำจึงถือเป็นความไม่ชอบธรรมและไม่อาจกระทำได้ ขณะที่ในวันผู้สูญหายสากล พวกเราถูกคุกคามโดยสั่งให้ผู้เป็นเจ้าของสถานที่ยุติการแสดงความคิดเห็นบางกรณี สั่งปลดรูปลงและไม่ให้เปิดตัวหนังสือของนางสาวสิตานันที่ได้เขียนบันทึกไว้ จึงตั้งคำถามว่ามีผู้ส่วนเกี่ยวข้องไม่ต้องการให้เปิดตัวหนังสือนี้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่าเรื่องนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการฯ ตนเองรู้สึกแปลกใจเพราะฟังแล้วนึกว่าอยู่ในรัฐบาลที่แล้ว หากเกิดขึ้นจริงถือเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้คนกลายเป็นภัยต่อรัฐ ถ้าพิจารณาวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 คือการทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะการซ้อมทรมานและการอุ้มหายเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ จะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับคณะกรรมาธิการฯ ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.67) ก่อนจะมีการบรรจุในวาระพิจารณา ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐบาลผู้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร มีหน้าที่จะต้องคืนความเป็นธรรมและเป็นความยุติธรรมสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้ สิ่งที่คณะกรรมาธิการฯ ทำได้ทันทีคือ การสอบข้อเท็จจริง และรับฟังข้อเท็จจริงจากฝ่ายรัฐ หากมีการกระทำผิดจริงจะต้องมีการรับผิด-รับชอบ ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายวันเฉลิมที่ไม่มีความคืบหน้า เป็นสิ่งที่ต้องให้ความกระจ่าง เพราะมีคลิปวิดีโอและหลักฐานชัดเจน หากเราทำกรณีนี้ให้มีคุณภาพ จะทำให้คดีอุ้มหายอื่น ๆ ได้รับความคุ้มครอง และได้รับความมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก รายงาน: ณัฐพร สร้อยจำปา ภาพ: ธนทิพย์ เล้าสุทธิพงศ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์

พิพัฒน์ เดินหน้าประชุมค่าแรง 400 ศุกร์นี้ เชื่อประกาศใช […]

พิพัฒน์ยันเดินหน้าประชุมขึ้นค่าแรง 400 ศุกร์นี้ เมินนาย […] อ่านข่าวต้นฉบับ: พิพัฒน์ เมิน นายจ้าง หากเทประชุมขึ้นค่าแรง 400 ซ้ำ ไม่หวั่นถูกฟ้อง

วันนี้ (18 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อด […] The post พร้อมพงศ์ยื่นตรวจสอบ พล.อ. ประวิตร เป็น สส. แต่ขาดประชุมสภาบ่อย หวั่นทำงานไม่คุ้มภาษี appeared first on THE STANDARD.

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาลงโทษ จ […]

ปภ.แจ้ง 53 จว.เหนือ อีสาน กลาง และใต้เฝ้า ระวังน้ำท่วมฉ […]

LIVE: นายกฯ เป็นประธานมอบนโยบายประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

[LIVE] สามารถ รองโฆษกพลังประชารัฐ โต้ ’พร้อมพงศ์‘ สอบจริยธรรมพเอกประวิตร-ท้าแจงที่มาคลิปเสียงหลุด #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

กมธ.ถอนร่าง กม.ระเบียบบริหารงานท้องถิ่น หลังถูกท้วงหนัก แก้ไขขัดหลักการ “พัฒนา” ขอโทษคนท้องถิ่น-สส. ทำให้เสียเวลา The post กมธ.ถอนร่าง กม.ระเบียบบริหารงานท้องถิ่น appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

วันนี้ (18 กันยายน) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ประยุทธ เพช […] The post อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหาคดีตากใบ เหตุขนย้ายผู้ชุมนุมไม่เหมาะสมจนเสียชีวิต appeared first on THE STANDARD.

“ศปช.” มอบ มท. เร่งจ่ายเงินเยียวยาทันที หลัง ครม.อนุมัติงบ จัดส่งอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค ให้เพียงพอ ย้ำเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก The post ศปช.มอบ มท.เร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัย appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

[LIVE] พี่สาววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ยื่นหนังสือถึง กมธ.ความมั่นคงฯ หลังถูกคุกคาม ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

ศปช.มอบกระทรวงมหาดไทยเร่งจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม หลัง คร […] อ่านข่าวต้นฉบับ: ศปช.มอบ มหาดไทย เร่งจ่ายเยียวยาน้ำท่วม หลังคลอดงบฯ 3 พันล้าน

‘ไอซ์ รักชนก’ แฉ จนท.เก็บส่วย รีดไถแม่ค้าพม […]

PARLIAMENT: รองประธานสภาฯ แจ้งที่ประชุม เหลือ สส.ทำหน้าที่ 492 คน หลัง สส.ภูมิใจไทย ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ วันนี้ (18 ก.ย. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯ ถึงกรณีที่ศาลฎีกาได้รับเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายสุวรรณา กุมภิโร สส.บึงกาฬ เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ไว้วินิจฉัย มีผลให้นายสุวรรณา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าไม่ได้กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 226 วรรคสี่ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ดังนั้น สส.ปัจจุบันที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่ได้ มี 492 คน องค์ประชุม คือ 246 คน #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์

⦁….รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ภารกิจเต็มรูปแบบแล้ว […]

POLITICS: ศปช. มอบมท. เร่งจ่ายเงินเยียวยาทันที หลัง ครม. อนุมัติงบ เร่ง ช่วยเหลือ จัดส่งอาหาร เครื่องมืออุปโภคบริโภคให้เพียงพอ ย้ำ เอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก วันนี้ (18 ก.ย.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. นัดแรก ว่า วันนี้ในที่ประชุมจะดำเนินการในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในเรื่องสำคัญคือ 1. ติดตามประมวลข้อมูลสถานการณ์และธุรการในการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ดินโคลนถล่ม จนเกิดอุทกภัย เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว 2. บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการคาดการณ์วิเคราะห์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำในลำน้ำ แหล่งกักเก็บน้ำ พื้นที่น้ำหลาก และอิทธิพลจากการขึ้นลงของน้ำทะเล เพื่อการแจ้งเตือน สร้างการรับรู้ 3. ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัย การรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนผู้ประสบภัย รวมไปถึงการวางแผนการเคลื่อนย้าย การจัดเตรียมที่พักอาศัย และการจัดส่งอาหารเครื่องมืออุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ 4. ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร ให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์ให้ทันต่อเหตุการณ์ โดยให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกรมประชาสัมพันธ์ ในการเป็นแม่ข่ายดำเนินการ ให้ปรับผังการประชาสัมพันธ์ มาที่เรื่องสถานการณ์น้ำเป็นเรื่องหลัก ในช่วง 1-2 เดือนนี้ เพื่อป้องกันดรามาทั้งหลาย ซึ่งขอให้โฟกัสไปที่เรื่องการช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก 5. เชิญหน่วยงาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมปรึกษาหารือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามความเหมาะสม 6. ต้องรายงานผลให้ ศปช. ทราบเป็นระยะ ๆ โดยทั้งหมดนี้คือ ภารกิจของเป้าหมายเบื้องต้นในการดำเนินการ แต่สิ่งที่สำคัญคือ การจัดการปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องของฝน หรือพายุ ที่เข้าประเทศไทยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน คาดว่าจะจบลงในช่วงกลางเดือนตุลาคม หลังจากนั้นสถานการณ์ฝนจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ เพราะฉะนั้น ศปช. จะดำเนินการเฉพาะหน้า เพื่อจัดการปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไปจนจบสถานการณ์ ซึ่งคาดว่า จะจบในปีนี้ นายภูมิธรรม กล่าวถึงการจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนจะสามารถจ่ายได้เร็วที่สุด ว่า เมื่อวานนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือ 3,045 ล้านบาท โดยกระทรวงมหาดไทยสามารถดำเนินการได้ทันที และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด และพยายามไม่ทำให้มีขั้นตอนทางกฎหมายมากมาย เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปแล้ว เวลานี้หัวใจสำคัญที่สุด คือ ให้เราได้รู้สึกว่าได้ดูแลเยียวยา หากเรามัวรอว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมอะไรก็จะใช้เวลา จึงได้มีมติอนุมัติในเงินก้อนแรกจำนวน 3,045 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ใช้เวลาประมาณอีก 1 สัปดาห์ เพื่อดูว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง เพราะกฎเกณฑ์นี้ใช้มา 10 กว่าปี ก็คาดว่าน่าจะมีการปรับกันอีกครั้งหนึ่ง พร้อมยอมรับว่า การวางกฎเกณฑ์มีปัญหาหลายอย่าง เพราะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ขณะนี้คิดว่าจะต้องจัดการอย่างไรเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น นายภูมิธรรม ย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยจะเป็นตัวหลักในการจัดการงบประมาณก้อนนี้ และเรื่องที่สำคัญคือการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และแยกออกจากความเสียหายในส่วนของพืชผลจากไร่นาต้องรออีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เอาแค่ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ หนึ่งชุด เพื่อหาข้อสรุปในการเยียวยาเพิ่มเติม ในการทบทวนกฎระเบียบการเยียวยา โดยมีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงบประมาณ, กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นหนึ่งคณะ เพื่อไปศึกษารูปแบบการเยียวยา และการกำหนดจำนวนปริมาณ จะสามารถจบได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้มีมติเห็นชอบต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมมีการเตือนภัยล่วงหน้า ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA., สารสนเทศของกรมทรัพยากรน้ำ, หน่วยงาน ปภ., กรมอุตุนิยมวิทยา และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการตรวจสอบทิศทางลมมรสุมที่จะเข้าสู่ประเทศไทย ที่สามารถมองเห็นตั้งแต่ต้นทางตั้งแต่เขตประเทศเมียนมา และประเทศจีน และให้มีการประสานงานกับค่ายผู้ให้สัญญาณโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ มาร่วม เพื่อให้การแจ้งเตือนภัยเป็นไปอย่างทันท่วงที รายงาน: สริตา เรืองจิต ภาพ:ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ภูมิธรรม #น้ำท่วม

JUSTICE: เปิดไทม์ไลน์ 20 ปี คดีตากใบ ก่อนที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหา ข้อหาทำผู้อื่นถึงแก่ความตาย 78 ราย วันนี้ (18 ก.ย. 67) จากกรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องจำเลยในคดีตากใบ ในสำนวนของ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี กรณีการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวจากหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 78 คน รวมผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ อีก 7 คน รวมเป็น 85 คน The Reporters พาเปิดไทมไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ ได้จับกุมนายกามา อาลี กับพวกรวม 6 คน ผู้ต้องหา ที่เป็นอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) กรณีนำอาวุธปืนลูกซองของราชการ ที่ใช้คุ้มครองหมู่บ้านไปมอบให้แก่คนร้าย แล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่า อาวุธปืนดังกล่าวถูกคนร้ายปล้นไป จึงถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ และยักยอกทรัพย์ ต่อมา ในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เวลาประมาณ 10:00 น. มีประชาชนเป็นกลุ่มมวลชนประมาณ 300-400 คน มาชุมนุมกันที่หน้า สภ. ตากใบ เรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาทั้งหมดทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข และมีประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในเวลา 13:00 น. พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี แม่ทัพภาค 4 (ในขณะนั้น) ได้สั่งให้เลิกการชุมนุม ซึ่งในอำเภอตากใบ ในช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้ตามกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และบิดามารดาของผู้ต้องหาทั้งหกมาร่วมเจรจา แต่ไม่เป็นผล โดยผู้ชุมนุมเสนอเงื่อนไข และเรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาทั้งหมดทันที รวมถึงมีการโห่ร้องขับไล่ยั่วยุเจ้าหน้าที่ ทำให้เหตุการณ์วุ่นวายและเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างนั้น พล.ต.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร (ยศในขณะนั้น) ผู้ต้องหาที่ 1 ในคดีวิสามัญฆาตกรรม ได้เรียกกำลังจากหน่วยต่างๆ และจัดรถยนต์บรรทุกจำนวน 25 คัน มาเตรียมพร้อมสลายการชุมนุม จนกระทั่งในเวลาประมาณ 16:00 น. เจ้าหน้าที่จึงเข้าสลายการชุมนุม และจับกุมผู้ประท้วง โดยนำผู้ประท้วงขึ้นรถบรรทุกทั้ง 25 คัน เฉลี่ยคันละ 40 ถึง 50 คน เพื่อออกเดินทางในเวลาประมาณ 19:00 น. ซึ่งนำผู้ชุมนุมทั้งหมดไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อถึงค่ายอิงคยุทธบริหาร เมื่อเวลา 21:00 น. เจ้าหน้าที่นำผู้ถูกควบคุมตัวลงจากรถบรรทุก ผลปรากฏว่ามีผู้ถูกควบคุมตัวถึงแก่ความตายทั้งหมด 78 คน โดยรถบรรทุกที่มีผู้ถึงแก่ความตาย มีผู้ต้องหาที่ 2 (ร.ต.ณัฐวุฒิ เลื่อมใส), ผู้ต้องหาที่ 3 (นายวิษณุ เลิศสงคราม), ผู้ต้องหาที่ 4 (ร.ท.วิสนุกรณ์ ชัยสาร), ผู้ต้องหาที่ 5 (นายปิติ ญาณแก้ว), ผู้ต้องหาที่ 6 (พ.จ.ต.รัชเดช หรือพิทักษ์ ศรีสุวรรณ) และผู้ต้องหาที่ 8 (ร.ท.ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์) ทำหน้าที่เป็นพลขับ ขณะที่ ผู้ต้องหาที่ 7 (พ.ท.ประเสริฐ มัทมิฬ) เป็นผู้ควบคุมขบวนรถ คดีนี้ พนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม และสำนวนชันสูตรพลิกศพ โดยทั้งสองคดีมีรายละเอียดดังนี้ ในสำนวนวิสามัญฆาตกรรม มี พ.ต.อ.พัฒนชัย ปาละสุวรรณ เป็นผู้กล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 288 ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนเห็นควร “สั่งไม่ฟ้อง” โดยอ้างว่าผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ส่วนสำนวนชันสูตรพลิกศพ เกี่ยวกับการตายของผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 78 คนดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีเมื่อปี 2547 และพนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดปัตตานี เพื่อไต่สวนชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนของกฎหมายในปีเดียวกัน โดยต่อมาในระหว่างไต่สวนได้มีการโอนสำนวนมาทำการไต่สวนที่ศาลจังหวัดสงขลา ซึ่งญาติผู้ตายได้แต่งตั้งทนายความเข้ามาถามค้านการไต่สวนของศาลด้วย จากนั้น ในปี 2548 ศาลจังหวัดสงขลาได้ไต่สวนเสร็จสิ้น และมีคำสั่งว่าผู้ตายทั้ง 78 คน เสียชีวิตที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เหตุและพฤติการณ์ที่เสียชีวิตคือ ผู้ตายทั้ง 78 คนขาดอากาศหายใจในระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ โดยหลังจากศาลมีคำสั่งได้ส่งคืนคำสั่งพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับพนักงานอัยการ รวมทั้งในปี 2548 พนักงานอัยการได้ส่งเอกสารที่ได้รับจากศาลพร้อมถ้อยคำสำนวนทั้งหมดคืนให้กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการส่งเอกสารทั้งหมดพร้อมสำนวนวิสามัญฆาตกรรมให้กับอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณามีความเห็น และคำสั่ง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งคดีวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งผู้ตายถูกเจ้าพนักงาน อ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ฆ่าตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 143 วรรคท้าย ภายหลังจากอัยการสูงสุดได้รับสำนวนวิสามัญฆาตกรรม และสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพของศาลจังหวัดสงขลาจาก พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วได้มีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในหลายประเด็น และกำหนดให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งผลสอบสวนทั้งหมดให้กับอัยการสูงสุดในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ทั้งนี้ วันที่ 12 กันยายน 2567 อัยการสูงสุดพิจารณาสำนวนแล้วมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยวินิจฉัยว่า จากพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน แม้ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน จะไม่ประสงค์ต่อผลที่จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ตาม แต่การจัดหารถเพียง 25 คัน ในการบรรทุกผู้ชุมนุมประมาณพันกว่าคน อันเป็นการบรรทุกที่แออัดเกินกว่าจะเป็นวิธีการบรรทุกคนที่เหมาะสม โดยผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 7 รู้อยู่แล้วว่าจำนวนรถกับจำนวนคนไม่เหมาะสมกัน ผู้ต้องหาที่ 2 ถึงที่ 6 และที่ 8 ซึ่งเป็นคนขับรถก็เห็นถึงสภาพการบรรทุกผู้ชุมนุมดังกล่าว อันเป็นเหตุให้ผู้ตายทั้ง 78 คนขาดอากาศหายใจในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ “ การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 8 ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า การกระทำดังกล่าวจะทำให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจ และถึงแก่ความตายได้ ดังนั้นการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 8 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น คดีนี้มีพยานหลักฐานพอฟ้อง จึงสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 ตามข้อกล่าวหา” เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่ได้เรียกผู้ต้องหาที่ 1 ถึงที่ 8 มารับข้อกล่าวหาตามข้อกล่าวหา เมื่ออัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องดังกล่าวแล้ว อัยการสูงสุดได้แจ้งคำสั่งไปยัง ผบ.ตร. เพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งแปดพร้อมแจ้งสิทธิ์ และพฤติการณ์แห่งคดีตาม ป.วิอาญา มาตรา 134 และส่งตัวให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีต่อไป อย่างไรก็ตาม นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นำทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวในวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีสลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ โดยนายประยุทธ ระบุว่า คดีนี้ที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องนั้น ถือเป็นคนละส่วนกับคดีที่ประชาชนฟ้องต่อศาลจังหวัดนราธิวาส จนนำไปสู่การออกหมายจับ และหมายเรียกผู้ต้องหาในคดีรวม 7 คน โดยมีชื่อผู้ต้องหาเดียวกัน แต่ผู้ต้องหาในึคดีต่างกันเพียงแค่ 1 คน คือ พลเอกเฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร ส่วนคดีที่ศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ประชาชนฟ้องเอง นั้น หากไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คนส่งศาลได้ภายในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ จะถือว่าขาดอายุความด้วยหรือไม่ นายประยุทธ เผยว่า เรื่องนี้ตนเองเห็นว่ายังมีข้อถกเถียงในทางกฎหมายซึ่งต้องไปพิจารณากันว่า เมื่อศาลประทับรับฟ้อง และคดีอยู่ในกระบวนการชั้นศาลแล้ว จำเป็นจะต้องนำตัวผู้ต้องหามาก่อน 25 ตุลาคมด้วยหรือไม่ ซึ่งคดีนี้เป็นคนละส่วนกัน ตนเองจึงยังไม่กล้าตอบชัดเจน ต้องดูข้อกฎหมายก่อน ส่วนคดีนี้เมื่อเช้าถึงกระบวนการของศาลแล้ว จะนำสำนวนของทั้ง 2 คดีมารวมกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล และกระบวนการหลังจากที่อัยการสูงสุดได้พิจารณาสั่งฟ้องแล้วนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องนำตัวผู้ต้องหามาส่งให้อัยการ เพื่อยื่นสั่งฟ้องต่อศาลในฐานะจำเลยในคดีต่อไป #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #คดีตากใบ

ภูมิธรรมย้ำโผทหารต้องจบสัปดาห์นี้ ชี้เรื่องร้องเรียนมีเ […]

ผบ.ทสส. ยืนยัน กองทัพอยู่ในพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนประสบภัยอุทกภัย พร้อมเตรียมรับมือพายุลูกใหม่ในพื้นที่อีสาน ย้ำทหารพัฒนาต้องถึงพื้นที่เกิดเหตุก่อน 24 ชั่วโมง มั่นใจการทำงานของหน่วยต่างๆ ช่วงใกล้เกษียณจะไม่มีปัญหา The post ผบ.ทสส. ยันกองทัพอยู่ในพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนประสบภัยอุทกภัย appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

วันนี้ (18 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. […] The post พริษฐ์เสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรค เลิกให้ศาลตีความจริยธรรม appeared first on THE STANDARD.

“ภูมิธรรม” รมว.กลาโหม ลั่นร้อนใจไม่แพ้กัน โผทหารต้องจบภายในสัปดาห์นี้ มองเรื่องร้องเรียน-จม.สนเท่ห์ช่วงแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดา เชื่อทหารมีวินัย ชี้แจงได้เรื่องก็จบ The post รมว.กลาโหม ยันโผทหารจบภายในสัปดาห์นี้ appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

"พร้อมพงศ์" ร้อง "วันนอร์" เช็กสอบ “พล.อ.ประวิตร” ขาดประชุมสภา-ไม่ลงมติสำคัญเกิน 80%หรือไม่ ส่อขัดจริยธรรม บอกไม่กังวลถูก “ไพบูลย์” ฟ้องปมคลิป ท้า พปชร.ตั้งโต๊ะแจงให้ชัดเจน อย่ามัวฟ้องแก้เกี้ยว หวัง “ลุงป้อม” เข้าสภาทำหน้าที่ตั้งกระทู้ถามนายกฯ-เสนอญัตติบ้าง The post “พร้อมพงศ์” ร้องตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร ขาดประชุมสภาเกิน 80% หรือไม่ appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

ป้ายชื่อ ‘พลังประชารัฐ’ อยู่โซนฝ่ายค้านแล้ว […]

‘พริษฐ์’ ห่วง รธน.ฉบับใหม่ คลอดไม่ทันก่อนเล […]

วันนี้ (18 กันยายน) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทร […] The post พม. ขยายเวลาขึ้นทะเบียนคนพิการถึง 3 ธ.ค. 67 รักษาสิทธิรับเงินหมื่น appeared first on THE STANDARD.

เสด็จพี่พร้อมพงษ์ยื่นร้องประธานสภา สอบจริยธรรม “พล.อ.ปร […] อ่านข่าวต้นฉบับ: พร้อมพงศ์ ยื่นฟัน ประวิตร โดดประชุม 81% ส่อผิดจริยธรรมของ สส.

“บิ๊กป้อม” ส่ง “ไพบูลย์” ฟ้องกล […] อ่านข่าวต้นฉบับ: ประวิตร ส่ง ไพบูลย์ ฟ้องกลับ พร้อมพงษ์ ใช้ประโยชน์คลิปดักฟัง

เด็จพี่ ยื่นสอบ จริยธรรม บิ๊กป้อม ชี้ล่องหน ไม่มาโหวตใน […]

‘พริษฐ์’ แจงปมโซเชียล แห่ติดแฮชแท็ก ‘ […]

“พริษฐ์” แจงดราม่า #พรรคประชาชนพม่า ต้องพูดคุยปัญหาแรงงานเมียนมาตรงไปตรงมา ย้ำจะต้องดึงแรงงานเข้าระบบให้รัฐจัดระเบียบ-แก้ไขปัญหา The post “พริษฐ์” แจงดราม่า #พรรคประชาชนพม่า ต้องพูดคุยปัญหาตรงไปตรงมา appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

“ภูมิธรรม” รมว.กลาโหม ประชุม ศปช. นัดแรก ตั้งศูนย์บูรณาการแก้ปัญหาแบบ One Stop Service แก้ไขปัญหารวดเร็ว ยึดประชาชนเป็นหลัก The post “ภูมิธรรม” ประชุม ศปช. นัดแรก appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

“พริษฐ์” ย้ำพรรคประชาชน ชงร่างแก้ รธน. รื้อมาตรฐานจริยธรรม ลดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ คาดรัฐสภาพิจารณา 25 ก.ย.นี้ เล็งยื่นต่อแก้ พ.ร.ป.ศาล รธน.-พรรคการเมือง แก้ปมยุบพรรค วอนรัฐบาลทบทวนคำถามประชามติ ไม่ฟันธงมี รธน.ใหม่ทันเลือกตั้งหน้า The post “พริษฐ์” ย้ำพรรคประชาชน ชงร่างแก้ รธน. รื้อมาตรฐานจริยธรรม appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

สส. หารือปัญหาน้ำท่วม ฝากรัฐวางแนวทางเยียวยาเร่งด่วนหลังน้ำลด ขณะที่ "สุวรรณา" สส.บึงกาฬ ภูมิใจไทย หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังศาลฎีการับคำร้อง "กกต." ทำ สส.เหลือทำหน้าที่ได้ 492 คน The post สส. หารือปัญหาน้ำท่วม จี้รัฐเร่งเยียวยา appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

รับถูกดักฟัง บิ๊กป้อม ส่งไพบูลย์ ยื่นฟ้อง เด็จพี่-หมาแก […]

"ประเสริฐ" รมว.ดีอี เผยเตรียมหารือ ก.คลัง ใช้แอปฯ ทางรัฐ จ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม ชี้จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปถึงขั้นซูเปอร์แอป ครอบคลุมให้บริการทุกด้าน The post “ประเสริฐ” จ่อถก ก.คลัง ใช้แอปฯทางรัฐ จ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

วันนี้ (18 กันยายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี​ แ […] The post ประชุม ศปช. นัดแรก​ พิจารณาหลักเกณฑ์จ่ายเงินฟื้นฟูเยียวยา​ เร่งแก้ปัญหาภัยพิบัติ-รับมือพายุลูกใหม่เข้าไทย appeared first on THE STANDARD.

"ธีรรัตน์" รมช.มหาดไทย ยันมีการแจ้งเตือนน้ำท่วมที่พะเยา รับบางพื้นที่ประชาชนรอติดตามสถานการณ์ แต่น้ำมาเร็ว ทำให้ขนของไม่ทัน เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือเยียวยาโดยเร็ว เมิน "ศุภณัฐ" วิจารณ์เรื่องแบ่งงาน มท. ขอทำที่มีอยู่ให้ดีที่สุด The post “ธีรรัตน์” ยันมีแจ้งเตือนน้ำท่วมที่พะเยา แต่น้ำมาเร็ว appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

ศาลฎีกาแจ้งคำสั่งศาลมายังสภา สั่งสุวรรณา สส.บึงกาฬ ภูมิ […] อ่านข่าวต้นฉบับ: ศาลฎีกา สั่ง สุวรรณา สส.ภูมิใจไทย หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลัง กกต.ชงแจกใบแดง

วันนี้ (18 กันยายน) ไพบูลย์ นิติตะวัน เปิดเผยกับผู้สื่อ […] The post ประวิตรส่งไพบูลย์ฟ้องอาญา ‘พร้อมพงศ์-ดนัย’ ข้อหาดักฟัง ปมปล่อยคลิปเสียงในรายการดัง appeared first on THE STANDARD.

ศาลฎีกา รับคดี ส.ส.ภูมิใจไทย สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยอด […]

“ธีรรัตน์” ย้ำเตือนน้ำท่วมพะเยาแล้วทั้งเอกส […] อ่านข่าวต้นฉบับ: อิ่ม ไม่ติดแบ่งงาน มท. จะทำดีที่สุด หลัง สส.แบงค์ โวยอนุทินรวบอำนาจ

‘ประเสริฐ’ ยันรัฐบาลเดินหน้าพัฒนาแอพพ์ทางรั […]