Feed update

คอลัมน์ : Politics policy people forum เวลาการทำงานของร […] อ่านข่าวต้นฉบับ: เปิดแผนวอร์รูมไทยคู่ฟ้า รัฐบาลอิ๊งค์ รุกแก้เศรษฐกิจ-กับดักการเมือง

NEWSCLIP: น้ำท่วมหมู่บ้านเมืองใหม่ดอนเมือง หลังฝนตกหนัก ยังระบายได้ช้า ขอบคุณภาพ Facebook : Patcha Nilangso #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #น้ำท่วมดอนเมือง

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เป็นรัฐธรร […] The post รัฐธรรมนูญ 60 สู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กล้าฝันสู่ ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ appeared first on THE STANDARD.

UPDATE: ทีม กทม. ลุยโคลนช่วยเชียงราย ดูดโคลนเลน ออกจากท่อระบายน้ำ วันนี้ (20 ก.ย. 67) ทีมกรุงเทพมหานคร เผยแพร่ภาพ เจ้าหน้าที่ กทม.ที่ไปช่วยดูดโคลนเลนออกจากท่อระบายน้ำ ใน อ.เมือง จ.เชียงราย วันแรก หลังประสบภัยน้ำท่วม จุดทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ถนนเจ้าฟ้า ฝั่งตรงข้ามศาลจังหวัดเชียงราย ริมแม่น้ำกก โดยดำเนินการทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ขนาด 1.20 เมตร ความยาวประมาณ 300 เมตร โดยใช้วิธีเปิดฝาท่อระบายน้ำ ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ โดยรถดูดเลน ได้จำนวน 84 ลูกบาศก์เมตร สำหรับ อุปสรรค เรื่องดินเลนเป็นดินเหนียวและมีขยะในท่อระบายน้ำ กทม.โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ส่งรถดูดโคลน และเจ้าหน้าที่ กทม.ที่มีความเชี่ยวชาญไปสนับสนุนภารกิจกู้เมืองเชียงราย #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #กทม. #น้ำท่วมเชียงราย

UPDATE: ประธานหอการค้าแม่สาย ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจ การค้าชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก จากน้ำท่วม ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท วันนี้ (20 ก.ย. 67) The Reporters ลงพื้นที่สำรวจ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังน้ำลด พบถนนในเมืองแม่สายเต็มไปด้วยฝุ่น เพราะต้องบรรทุกดินโคลนมาทิ้ง เร่งทำความสะอาดเมือง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังน้ำลด จึงอยู่ในสภาพที่ล่มสลาย ทั้งบ้านเรือนประชาชน ร้านค้า ที่เสียหายอย่างหนัก และยังต้องกู้ถนน ที่ยังเป็นดินโคลน โดยเฉพาะหมู่บ้านริมแม่น้ำสาย ซึ่งมีดินโคลนสูงกว่า 2 เมตร รวมถึงขยะที่ยังต้องมาจัดการ บางคนต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างรถมาขน ไม่นับรวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ร้านค้าขนาดเล็ก ต้องเริ่มต้นธุรกิจกันใหม่ทั้งหมด ผกายมาศ เวียร์ร่า ประธานหอการค้าแม่สาย ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจ เฉพาะในอำเภอแม่สาย ไม่น่าจะต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และหากประเมินผลกระทบทางการค้าชายแดนน่าจะไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เพราะในเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ก็เสียหายอย่างหนักเช่นเดียวกัน เช่น ร้านค้าดิวตี้ฟรี ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสาย น่าจะเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทเช่นเดียวกัน รวมถึงร้านค้าในตลาดท่าล้อ และร้านค้า ยังเต็มไปด้วยดินโคลน ทางการเมียนมา ระดมกำลังในการทำความสะอาดเมือง แต่พื้นที่เสียหายกินบริเวณกว้าง คาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า1 เดือนเช่นเดียวกัน การฟื้นฟูความเสียหายน้ำท่วมในอำเภอแม่สาย จึงต้องจัดการทั้งช่วงการน้ำลด และการวางแผนฟื้นฟูทางเศรษฐกิจด้วย และอยากเห็นรัฐบาลตั้งวอร์รูม มาวางแผนในการฟื้นฟู กอบกู้เมืองแม่สายได้แล้ว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #แม่สาย

SEMINAR: ฟังเสียงสะท้อนคนลุ่มโขง ปมสร้างเขื่อนปากแบง หวังไทย-ลาวตระหนักเรื่องสิทธิข้ามพรมแดน หยุดสร้างเม็ดเงินเลือดบนความเดือดร้อนประชาชน วันนี้ (20 ก.ย.67) International Rivers และกลุ่มรักษ์เชียงของ จัดเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์พรมแดนไทยลาว หลังน้ำท่วมลุ่มน้ำโขงเชียงราย หากมีเขื่อนปากแบงจะเป็นอย่างไร ณ ตำมิละ เกสเฮ้าส์ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ดร.สมนึก จงมีวศิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย EEC Watch กล่าวถึงการก่อสร้างเขื่อนปากแบงว่า มีการออกแบบเป็นเขื่อนป้องกันน้ำสูง 320 เมตร จากระดับน้ำทะเลถึงจะทำให้เกิดการปั่นไฟและผลิตไฟฟ้าได้ โดยความสูงระดับดังกล่าว ถือเป็นระดับน้ำที่เพียงพอทำให้เกิดน้ำท่วมสูงทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทย หากต้องการกำลังไฟเพิ่มมากขึ้นจะต้องเพิ่มความสูงไปได้อีกถึง 347 เมตร แต่ปัญหาคือทุกเมตรที่เพิ่มขึ้นคือ น้ำที่เข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของประชาชน มีการประเมินว่าคนลาวจะได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 4000 คน ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงอยากให้ลาวและไทยพิจารณาหยุดการสร้างเขื่อน ศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนและคำนวณฉากทัศน์ใหม่ที่รวมเรื่องภาวะโลกรวนด้วย นางสาวเบญจา แสงจันทร์ ประธานคณะทำงานพิจารณาศึกษาปัญหาผลกระทบข้ามพรมแดน โครงการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขง กรณีเขื่อนปากแบง คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะทำงานจะจัดทำข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพื่อเสนอต่อประธานคณะกรรมาธิการ และคณะรัฐมนตรีต่อไป ประเด็นสำคัญของการสร้างเขื่อนปากแบง ประชาชนในพื้นที่มีข้อกังวลหลังจากมีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเมื่อกันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานใดหรือเจ้าของโครงการเข้ามารับฟังปัญหาความเดือดร้อน และให้ข้อมูลกับประชาชน อีกทั้งยังกังวลเรื่องปัญหาน้ำเท้อ การอพยพสัตว์น้ำการประมงตามแนวริมน้ำ สินค้าเศรษฐกิจท้องถิ่น เช่น ส้มโอ รวมถึงผลกระทบอาจส่งผลต่อสัณฐานของแม่น้ำ การหายไปของตะกอนในลำน้ำ การเปลี่ยนแปลงของระบบระบบนิเวศในเขตแดนไทย-ลาว ซึ่งยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ประชาชนจึงเรียกร้องให้ยับยั้งการซื้อขายไฟฟ้า ทางที่ดีที่สุดคือ โครงการเขื่อนปากแบงควรหยุดไปเลย ทั้งนี้ที่ผ่านมาการเจรจาโครงการใหญ่ระหว่างประเทศล้มเหลวมาตลอด ทั้งนโยบายของรัฐ การต่างประเทศ และนโยบายแผนพลังงาน ดังนั้นเรื่องนี้เป็นบทพิสูจน์ของรัฐบาลใหม่ว่า คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีของไทย จะสามารถปกป้องผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนได้หรือไม่ นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอแนะว่าคณะรัฐมนตรีต้องกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตระหนักเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เสนอให้ลาวสร้างความมั่นใจว่า การดำเนินโครงการจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนริมสองฝั่งโขง เนื่องจากปัจจุบันชาวบ้านได้รับข้อมูลโครงการเพียงพอ และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำขึ้น-น้ำลง และจำนวนปริมาณน้ำที่มากกว่าปกติ ส.รัตนมณี พลกล้า นักกฎหมาย มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน กล่าวถึงข้อตกลงแม่น้ำโขง กำหนดให้รับฟังความคิดเห็นในประเทศที่ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งมีตัวอย่างของเขื่อนไซยะบุรีที่ชาวบ้านได้มีการฟ้องร้อง และมีการจัดรับฟังความคิดเห็นในภายหลัง เช่นเดียวกับเขื่อนป่าแบง ที่ไม่ได้มีการจัดรับฟังความเห็นใน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขงและชุมชนที่จะได้รับผลกระทบ EIA ของโครงการเขื่อนปากแบงมีปัญหา เพราะไม่ได้ศึกษาเรื่องผลกระทบข้ามพรมแดน อีกทั้งแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษย์น หรือ NAP ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) ระบุเพียงเรื่องการตั้งกองทุนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเพียงเท่านั้น ทั้งที่ภาครัฐควรกำกับดูแลภาคเอกชนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงธนาคารที่ให้เงินทุนสนับสนุนในการก่อสร้างอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเม็ดเงินเลือดหรือละเมิดสิทธิของประชาชนเพื่อให้ภาคธุรกิจเติบโตบนความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้ในการประชุม UN Responsible Business and Human Rights Forum 2024 เป็นเวทีสำคัญในภูมิภาคน้ำโขง หวังว่าไทยจะต้องเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นผู้สร้าง รายงาน: ณัฐพร สร้อยจำปา ภาพ: ธนทิพย์ เล้าสุทธิพงศ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เชียงของ

NEWSCLIP: สำรวจความเสียหายทั้งแม่สายฝั่งไทย และท่าขี้เหล็กฝั่งเมียนมา หลังน้ำท่วมใหญ่ พบว่ามีสภาพความเสียหายจากดินโคลน ไม่ต่างกัน และคาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1-2 เดือน รายงาน : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #น้ำท่วมแม่สาย #แม่สาย #เชียงราย #ท่าขี้เหล็ก #น้ำท่วมเชียงราย #น้ำท่วมภาคเหนือ

วันนี้ (20 กันยายน) ที่กระทรวงแรงงาน ไพโรจน์ โชติกเสถีย […] The post ปลัดกระทรวงแรงงานแจง เหตุบอร์ดขึ้นค่าแรง 400 บาทล่มรอบ 2 ไม่มีนัยการเมือง รอถกใหม่ 24 ก.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

พรรคประชาชน 20 ก.ย.- “พรรคประชาชน” ซุ่มเงียบ ถกลับจัดทัพใหม่สู้ศึกการเมือง หลัง “ก้าวไกล” ถูกยุบ อาทิตย์นี้ จับตาแต่งตั้งรองหัวหน้า 10 คน สส.ดาวเด่น “ศิริกัญญา-โรม-วิโรจน์” มาแน่ ขณะ “รองเลขาธิการ” ต้องเลือกตั้ง 12 คน ส่อวุ่น! เหตุคนชนะต้องรับบท “แม่ทัพภาค” มีอำนาจเป็นเจ้าของมุ้ง เลือกคนลงสมัครท้องถิ่น-สนามใหญ่ได้ พบยังไม่นิ่ง คนลงชิงเดินเกมล็อบบี้เพื่อน สส. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชน ว่า ในวันที่ 21-22 ก.ย. นี้ พรรคประชาชนจัดสัมมนาพรรคและประชุมลับเป็นการภายใน โดยมีวาระสำคัญเป็นการจัดกระบวนทัพในการต่อสู้ทางการเมืองใหม่ หลังจากอดีตพรรคก้าวไกลเดิมถูกยุบ และมาสังกัดพรรคถิ่นกาขาว จนเปลี่ยนชื่อพรรคมาเป็นพรรคประชาชน ทั้งนี้ จากเดิมโครงสร้างของพรรคที่กรรมการบริหารพรรค ทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ตามภาคถูกเปลี่ยน มีการลดทอนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคจาก 10 คน เหลือ 5 คน เพื่อลดช่องว่าง หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ซึ่งก่อนหน้าที่ยังไม่มีการตั้งบุคคลในพรรคมาดำรงตำแหน่งสำคัญอื่นๆ เช่น รองหัวหน้าพรรค รองเลขาธิการพรรค […] The post “ปชน.” ถกลับจัดทัพใหม่สู้ศึกการเมือง appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

UPDATE: สสจ.เชียงราย เฝ้าระวังโรคติดต่อหลังน้ำลด​ พบประชาชนเริ่มมีอาการโรคเท้าเปื่อย​-ตาแดง ​เตือนประชาชนระวังฝุ่น PM10 พร้อมส่งทีมสุขภาพจิต​ คัดกรองประชาชนที่มีภาวะเครียด วันนี้ (20 ก.ย. 67) สำนักข่าวชายขอบ​ สัมภาษณ์​ นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย​ เกี่ยวกับมาตรการรับมือและการให้ความช่วยเหลือประชาชนช่วงน้ำลด ก่อเกิดปัญหาต่าง​ ๆ​ ไม่ว่าจะเป็นดินโคลนตกค้างจำนวนมากและเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น รวมถึงขยะถูกนำมากองไว้หน้าบ้าน ขณะที่บางพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง นพ.วัชรพงษ์ ระบุว่า​ ช่วงที่ผ่านมาได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขสำรวจสถานการณ์ในพื้นที่ต่าง​ ๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังฝุ่น PM10 ซึ่งเป็นฝุ่นที่เกิดขึ้นหลังน้ำลด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน ส่วนกรณีขยะเน่าเหม็น เบื้องต้นให้สวมใส่รองเท้าบูตหรือรองเท้ายางเมื่อต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีขยะ ซึ่งการจัดการดินโคลนหรือขยะ​ ต้องประสานหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อจัดเก็บ​ อย่างไรก็ตาม​ ขยะที่เริ่มเหม็นเน่าทำให้ประชาชนเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินอาหาร หากไม่ได้สวมถุงมือป้องกันหรือล้างมือให้สะอาดหลังการสัมผัส นพ.วัชรพงษ์​ กล่าวต่อว่า​ อีกประเด็นที่ต้องระวังคือการติดเชื้อของบาดแผลที่สัมผัสกับน้ำแช่ขังที่เริ่มเน่าเสีย มีความเสี่ยงจะติดโรคฉี่หนู จึงควรล้างแผลและทายาทันที หรือไปหาหน่วยปฐมพยาบาลที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนและเจ้าหน้าที่ในการเก็บกวาดบ้านเรือนตามชุมชนต่าง​ ๆ เพื่อประเมินบาดแผลก่อนว่าสกปรกมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ จากการสำรวจพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า​ ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมีอาการโรคเท้าเปื่อย ระบบทางเดินหายใจ และตาแดง ส่วนโรคฉี่หนูยังเฝ้าระวังอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีสถานการณ์ที่เป็นโรคระบาดหรือการแพร่เชื้ออย่างรุนแรง สำหรับประชาชนที่ประสบภาวะเครียด วิตกกังวล ได้ส่งทีมสุขภาพจิตเข้าไปในพื้นที่เช่นกัน ซึ่งเป็นการร่วมกันปฏิบัติการภายในจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ได้คัดกรองประชาชนไปแล้วประมาณ 3,000 คน แต่ยังไม่พบผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า​ โดยความเครียดที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นความกังวลเรื่องบ้านที่ถูกดินโคลนถล่ม ซึ่งยังไม่สามารถเข้าไปจัดการบ้านของตัวเองได้ นอกจากนี้​ กรมสุขภาพจิตได้จัดทำคู่มือให้คำแนะนำประชาชนเรื่องการรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยให้มองในแง่บวกต่อสิ่งที่กำลังเผชิญ​ และให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าจะสามารถผ่านสถานการณ์เช่นนี้ไปได้ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #น้ำท่วมเชียงราย

วันนี้ (20 กันยายน) ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้ […] The post ภราดรชี้ ปมแก้จริยธรรมเป็นเรื่องเซนสิทีฟ ต้องคิดให้รอบคอบ นักการเมืองคิดแทนประชาชนไม่ได้ แนะควรทำประชามติ appeared first on THE STANDARD.

LIVE: ประธานหอการค้าแม่สาย ประเมินความเสียหายภัยพิบัติแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท วันนี้ (20 ก.ย.67) The Reporters สำรวจความเสียหายจากน้ำท่วมเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบน้ำป่าจากแม่น้ำสาย เช่นเดียวกัน พบว่ามีสภาพความเสียหายจากดินโคลน ไม่ต่างกับ อ.แม่สาย ผ่านมา 10 วัน ทางการเมียนมา ระดมกำลังในการฟื้นฟู น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า ประธานหอการค้าแม่สาย ประเมินความเสียหายเฉพาะ อ.แม่สาย มีไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านาท เฉพาะบ้านเรือน ร้านค้า ที่เสียหาย หากประเมินการค้าชายแดนที่ทั้งไทย-เมียนมา มีมูลค่าการค้าปีละไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องยกระดับในการฟื้นฟูไม่ต่างจากเหตุสึนามิ และคาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1-2 เดือน รายงาน: ฐปณีย์ เอียดศรีไชย #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #น้ำท่วมแม่สาย #น้ำท่วมเชียงราย

POLITICS: ‘ภราดร’ บอกความเห็นส่วนตัว แก้ปมจริยธรรมเซนซิทีฟ ต้องคิดรอบคอบ แนะ ควรทำประชามติแก้ รธน. ทั้งฉบับ ยกเว้น หมวด 1 หมวด 2 วันนี้ (20 ก.ย. 67) นายภราดร ปริศนานันทกุล ในฐานะสมาชิกรัฐสภาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ได้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหารือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนวันที่ 27 กันยายน ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่หารือคือ แก้รัฐธรรมนูญรายมาตราว่า รอกฎหมายประชามติผ่านเป็นไปตามขั้นตอน ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) เสนอแก้รัฐธรรมมนูญกรอบจริยธรรมของนักการเมือง และกรอบอำนาจองค์กรอิสระ ท่าทีของพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างไร นายภราดร กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้ละเอียดอ่อน มีคำถามว่า จริยธรรมเป็นไม้บรรทัดที่ต้องเข้มงวดกับนักการเมืองหรือไม่ ประชาชนมีมุมมองแบบไหน เป็นการแก้เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองหรือไม่ นักการเมืองมองแทนประชาชนไม่ได้ คนพูดต้องเป็นประชาชน ดังนั้นต้องคิดให้รอบคอบ ต้องแก้เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยประชาชนเลือก ส.ส.ร. เขียนกติกา รวมถึงจริยธรรมด้วย จะเข้มงวดแค่ไหน ถึงขั้นระดับศาลรัฐธรรมนูญ ผู้พิพากษาเลยหรือไม่ “ผู้มีส่วนได้เสียไปพูด สังคมไม่ฟัง เรื่องนี้คุยกับเพื่อนสส. บอกว่าอันตราย และเซนซิทีฟ ควรทำประชามติ จะทำประชามติทั้งทีก็ควรทั้งฉบับ (ยกเว้นหมวด1 หมวด2) ตั้ง ส.ส.ร.แก้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ดีกว่าแก้เฉพาะ 2 ประเด็น พรรคภูมิใจไทยถึงไม่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายภราดร กล่าว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ภราดรปริศนานันทกุล

หลังจากวานนี้ (19 กันยายน) เกิดความกังวลจากสื่อสังคมออน […] The post ความคืบหน้า ‘สมรสเท่าเทียม’ จะได้จดทะเบียนเมื่อไร? appeared first on THE STANDARD.

[LIVE] : เวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์แม่น้ำโขง โดย ส.รัตนมณี พลกล้า นักกฎหมาย มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หาญณรงค์ เยาวเลิศ ผู้เชี่ยวชาญลุ่มน้ำ มูลนิธิบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ ผู้แทน กมธ.ที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

ปลัดฯแรงงาน คาดประกาศ “ขึ้นค่าแรง 400” ไม่ทัน 1 ต.ค. หล […] อ่านข่าวต้นฉบับ: ปลัดฯแรงงาน คาด “ขึ้นค่าแรง 400” ไม่ทัน 1 ต.ค. หลังวงประชุมล่มรอบ 2

LABOUR: ปลัดแรงงาน เผย บอร์ดค่าจ้างไม่ครบองค์ประชุม 2 ใน 3 นัดประชุมใหม่ 24 กันยายนนี้ วันนี้ (20 ก.ย. 67) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 ครั้งที่ 9/2567 ว่า การประชุมในวันนี้ไม่ได้ล่ม แต่ไม่ครบองค์ประชุมเนื่องจากตัวแทนของฝ่ายราชการไม่ได้เข้าร่วมประชุม และตัวแทนฝ่ายลูกจ้างไม่ได้เข้าประชุม 2 คน เนื่องจากติดภารกิจ ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม 2 ใน 3 ซึ่งตามข้อกำหนดต้องมีผู้เข้าร่วมประชุม 10 คนขึ้นไป ในวันนี้ ที่ประชุมจึงได้นำเสนอข้อมูลสภาพการจ้างงานของลูกจ้างให้กับที่ประชุมได้รับทราบว่า ปัจจุบันมีธุรกิจที่มีการจ้างลูกจ้างที่จ่ายค่าจ้าง 400 บาท มีจำนวนอยู่เท่าไหร่ มีผลกระทบต่อแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวอย่างไรบ้าง ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม พบว่า ถ้าเราขึ้นค่าแรง 400 บาท มีแรงงานต่างด้าวประมาณ 1 ล้านกว่าคน แรงงานไทยประมาณ 4 ล้านกว่าคน ได้รับประโยชน์ ซึ่งเป็นการนำเสนอให้ที่ประชุมรับทราบ ไม่ได้มีการลงมติแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีการนำเสนอเรื่องค่าแรง นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้น เนื่องจากครั้งนี้ไม่ครบองค์ประชุมจึงต้องมีการประชุมใหม่ ซึ่งนับจากวันที่ประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กันยายนจะต้องประชุมภายใน 15 วัน โดยเราจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 24 กันยายนนี้ แต่ถ้าหากไม่ครบองค์ประชุมอีกก็จะมีการขยับ แต่คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปและสามารถนำเข้าคณะรัฐมนตรีประมาณวันที่ 1 ตุลาคมนี้ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #บอร์ดค่าจ้าง #กระทรวงแรงงาน #ไพโรจน์โชติกเสถียร #คณะกรรมการค่าจ้าง

UPDATE: ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ลงพื้นที่ให้กำลังใจ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่ อ.แม่อาย วันนี้ (20 ก.ย. 67) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางสลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย นายบุญโรจน์ กองแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ หมู่ 12 บ้านผาใต้ และ หมู่14 บ้านร่มไทร ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือชาวบ้าน ผู้ประสบอุทกภัยบ้านเสียหายทั้งหลัง จำนวน 20 หลังคาเรือน โดยแบ่งเป็นบ้านผาใต้ จำนวน 11 หลังคาเรือน และบ้านร่มไทร จำนวน 9 หลังคาเรือน หลังคาเรือนละ 55,100 บาท ซึ่งเป็นงบช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉินเหตุอุทกภัย เป็นค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ กรณีบ้านเสียหายทั้งหลัง จากองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นการเยียวยา ช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเบื้องต้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางจังหวัดฯ ได้มีการบริหารจัดการดูแลเรื่องอาหารการกิน และที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชน ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ทำให้สามารถที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ส่วนความสูญเสียที่เกิดขึ้น ในเรื่องทรัพย์สินต่างๆ นั้น ทางรัฐบาลได้มีระเบียบที่ชัดเจน ในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือเยียวยา กรณีชดเชยความเสียหายด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการความร่วมมือ พร้อมระดมกำลังดูแลพี่น้องประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยอย่างเต็มความสามารถ และเร่งฟื้นฟูเยียวยาภายหลังน้ำลดตามภารกิจของแต่ละหน่วย เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ยืนยันรัฐบาล และจ.เชียงใหม่ พร้อมดูแลแก้ไขทุกปัญหาของประชาชน พร้อมเน้นย้ำ ในเรื่องของการเบิกจ่ายงบช่วยเหลือประชาชนให้ทำอย่างโปร่งใส ชัดเจน ห้ามเจ้าหน้าที่ทุจริตงบช่วยเหลืออุทกภัยเด็ดขาด #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เชียงใหม่ #น้ำท่วม #นิรัตน์พงษ์สิทธิถาวร

[LIVE] : ลงพื้นที่สำรวจสวนส้มโอที่ได้ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ริมน้ำงาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

SEMINAR: เสวนา “ทบทวนรัฐธรรมนูญ 2560 สู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่“ ’พริษฐ์‘ ชี้ รัฐบาลต้องกางโรดแมปทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ชัด เสนอแพ็คเกจแก้ รธน.รายมาตรา ตัดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ - องค์กรอิสระ ด้าน ’นิกร‘ มอง ร่าง รธน.ใหม่ ต้องหาจุดร่วมทุกฝ่าย ไม่ใช่พรรคใดพรรคเดียว วันนี้ (19 ก.ย. 67) เวลา 13:00 น. คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาวิชาการ ในหัวข้อ “ทบทวนรัฐธรรมนูญ 2560 สู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่“ โดยมี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ นายนิกร จำนง กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง สมาชิกวุฒิสภา ( สว.) และ ผศ.ดร.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพริษฐ์ กล่าวว่า เส้นทางที่ 1 ที่เราต้องเดินแน่นอนคือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด แต่จะเดินเส้นนี้อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะกระบวนการบางอย่างต้องใช้เวลา แม้จะเร่งเร็วที่สุดไม่มีอุปสรรคอะไรเลยก็อาจจะใช้เวลา 1-2 ปี ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องมีการเดินเส้นทางที่ 2 คู่ขนานไปคือการแก้ไขรายมาตราในประเด็นที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อแก้ไขบางปัญหาไปล่วงหน้าก่อน ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาบางร่างในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ไม่สัปดาห์หน้าก็สัปดาห์ถัดไป ทั้งนี้ เกณฑ์ที่จะใช้วัดว่าเราแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จหรือไม่ มี 2 เกณฑ์คือความชอบธรรมทางประชาธิปไตยและโดยเร็วที่สุด เพราะหากเราจะทำเพียงแค่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็วที่สุด โดยไม่สนใจเรื่องความชอบธรรม ตนคิดว่าก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้ นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยนั้น พรรคประชาชน (ปชน.) มองว่าต้องสะท้อนความคิด ความฝัน และความต้องการของคนทุกคน ซึ่งหากจะวางนิยามที่ทำให้รัฐธรรมนูญมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยในเชิงรูปธรรมควรมี 3 องค์ประกอบ คือ 1. สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์, 2. คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ สสร.อาจจะตั้งขึ้นมานั้น ควรมีองค์ประกอบที่เป็นธรรมกับประชาชนและเป็นธรรมกับแต่ละฝ่ายทางการเมือง อีกทั้ง เมื่อไปดูโมเดลที่พรรคเพื่อไทย เสนอไว้เมื่อปีที่แล้ว ก็มีความกังวลเล็กน้อยเพราะในจำนวน 47 คนนั้น 24 คนมาจาก สสร. แต่อีก 23 คนเป็นคนนอกที่มาสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แยกจาก สส. และ สว. แต่เมื่อรวมโควตาของ ครม.กับ สส.ฝ่ายรัฐบาลแล้วจะอยู่ที่ 14 คน ขณะที่โควตาของ สส.พรรคฝ่ายค้าน อยู่ 4 คน และ สว. 5 คน ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบที่ไม่สมดุล 3. เมื่อ สสร.จัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ควรนำร่างดังกล่าวไปทำประชามติ โดยไม่ต้องให้รัฐสภาเห็นชอบก่อน เพราะ สว.ยังไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งหากจะให้รัฐสภาเห็นชอบก่อน ก็อาจจะเปิดช่องให้ตัวแทนที่อาจจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง สามารถเข้ามาแทรกแซง ปรับแก้เนื้อหาบางประการได้ แม้อาจจะส่งมาที่รัฐสภาได้แต่ต้องไม่เปิดให้ลงมติ เพียงแค่เปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแล้วนำความเห็นนั้นบันทึกไว้ เพื่อให้ประชาชนนำไปใช้ประกอบตอนลงประชามติ ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลกางโรดแมปให้ชัดว่าการแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่บอกว่าจะทำให้เร็วที่สุดนั้น จะได้เมื่อไหร่และทันการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับแพ็คเกจการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่พรรค ปชน.มองว่ามีความสำคัญเร่งด่วน และเป็นไปได้จริง ซึ่งเราได้เดินหน้าแล้ว 2 แพ็กเกจ โดยแพ็กเกจแรกคือ การลบล้างผลพวงรัฐประหาร เพราะมองว่าฝ่ายการเมืองที่อาจจะเห็นต่างในบางเรื่องนั้น แต่คงเห็นตรงกันว่าไม่ควรมีรัฐประหารแล้ว โดยแบ่งเป็น 3 ร่างคือ การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติฉบับคสช. เพื่อคืนอำนาจในการกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์กลับไปที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและประชาชน, การทลายเกราะคุ้มกันคำสั่ง คสช. หรือการยกเลิกมาตรา 279, เติมพลังป้องกันรัฐประหาร คือการเพิ่มหมวดในการป้องกันการทำรัฐประหาร นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า แพ็กเกจที่สองคือ การตีกรอบอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ โดยการตีกรอบอำนาจเรื่องของการยุบพรรคการเมือง ที่จะพยายามทำให้พรรคการเมืองยึดโยงกับประชาชนมากขึ้นคือการทำให้พรรคการเมืองเกิดง่าย อยู่ได้ ตายยาก ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีส่วนสำคัญเกี่ยวกับพรรคการเมือง ส่วนการตีกรอบอำนาจเกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละคนนิยามไม่เหมือนกัน แต่รัฐธรรมนูญปี 2560 กลับให้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระไปนิยามว่าอะไรคือมาตรฐานจริยธรรมและนำคำนิยามนั้นไปบังคับใช้กับทุกองค์กร รวมถึงให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระมีบทบาทหลักในการไตร่สวน วินิจฉัยว่าการกระทำอะไรที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม “สิ่งที่เรากังวลคือการผูกขาดอำนาจมาตรฐานจริยธรรมในลักษณะนี้ ขณะที่การได้มาซึ่งองค์กรอิสระก็มีการตั้งคำถามว่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางได้จริงหรือไม่ และเป็นการไปเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้บทบัญญัติเหล่านี้ก่อให้เกิดการตีความกฎหมายที่ไม่มีความชัดเจนแน่นอน ไม่เป็นธรรม สุ่มเสี่ยงที่จะใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ เรื่องจริยธรรมจะถูกใช้กลั่นแกล้งทางการเมืองโดยผู้มีอำนาจเดิมที่เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้” นายพริษฐ์ กล่าว ด้านนายนิกร กล่าวถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญว่า ตนคิดเรื่องนี้มาตลอด 20 ปี จากประสบการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา ตนเห็นว่าความขัดแย้งมักจะนำไปสู่การยึดอำนาจ และมาออกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ถือว่าผิด ทั้งนี้ ตนเคยเห็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนมาก่อน จึงรู้ว่าประชาชนมีความชื่นชมอย่างไร ซึ่งตนมองว่ารัฐธรรมนูญควรมีกลไกให้แก้ไขได้ เผื่อให้รัฐธรรมนูญไหลไปตามความเปลี่ยนแปลงของสังคม หากไปล็อคไว้ไม่ให้แก้เหมือนรัฐธรรมนูญ 60 มันก็จะแตก เพราะบิดตัวไม่ได้ นายนิกร กล่าวต่อว่า ธงแรกที่ตนเองต้องการคือการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องมาจากประชาชน และแก้ไขได้ง่าย ซึ่งกระบวนการต้องค่อยๆ เดินไป โดยใช้ประชาชนเป็นหลังพิง และต้องคำนึงถึงหลักของการเปลี่ยนแปลง อย่างวันนี้เรามาเถียงกันเรื่องแอพลิเคชั่น แต่หากไม่สามารถอัพเกรดเครื่องโทรศัพท์ มันก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราต้องออกแบบกระบวนการ ให้ประชาชนเข้าใจรัฐธรรมนูญเสียก่อน เพื่อให้เขาเคารพความขัดแย้ง แล้วค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ ตนขอไม่เอารัฐธรรมนูญแบบฟาสต์ฟู้ด ซึ่งเรื่องรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลไม่ได้ เพราะโดยปกติ กระบวนการต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2-3 ปี ซึ่งจะทันรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะตัวแปรที่เราควบคุมไม่ได้มีอยู่เยอะ อย่างไรก็ตาม ธงที่เราตั้งไว้ว่าจะทำประชามติรอบแรกพร้อมการเลือกตั้ง อบจ.ทั้งประเทศ ยืนยันว่าทำได้แน่นอน เป็นการเริ่มก้าวแรกของการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยที่รัฐบาลบอกว่าจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เร็วที่สุด และเชื่อว่ากระบวนการจะถูกเร่ง แต่ยอมรับว่า อาจจะไม่ทันใช้ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป เพราะเราไปควบคุมขั้นตอนในการแก้มาตรา 256 ไม่ได้ การทำประชามติทั้งหมด 3 ครั้ง ก็ใช้เวลาทั้งหมด 1 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม เรามีสิทธิ์ที่จะฝัน โดยส่วนตัวมองว่าจะทำได้ทันในสภาฯ ชุดนี้ แต่อาจไม่ทันได้ใช้กฎหมายลูกในการเลือกตั้ง แต่อย่างน้อย เราก็ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน นายนิกร กล่าวอีกว่า มีความเป็นห่วงว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มีหลายธง ทั้งของพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้าน ดังนั้นปัญหาที่เราต้องระวังคือ ต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญเป็นฉบับของประชาชนทั้งหมด ไม่ใช่ของพรรคการเมือง หรือของกลุ่มใด เพราะฉะนั้น ควรฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายด้วย แม้แต่กองทัพ และชนชั้นนำ หากเราไม่ฟังโดยรอบ ก็จะเป็นรัฐธรรมนูญของพรรคใดพรรคหนึ่ง รศ.ดร.ประภาส กล่าวถึงการยกเลิกมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งมาตราดังกล่าวถือเป็นมรดกของ คสช. ที่มีหลายคำสั่งนำมาสู่การปฏิรูประบบกฎหมาย และการจัดการในหลายเรื่อง และเป็นการสร้างผลกระทบต่อชีวิตของผู้คน เช่น เรื่องที่ดิน โดยส่วนตัว มองรัฐธรรมนูญปี 60 มีความแตกต่างกับรัฐธรรมนูญปี 40 อย่างมาก เพราะมีเรื่องการถ่ายโอนอำนาจจากข้างบนลงข้างล่าง สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่รัฐธรรมนูญปี 60 เป็นการสร้างระบอบอำนาจนิยมที่มีการเลือกตั้ง และมีหลายองค์กรที่ปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย เสมือนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และสะท้อนการจัดความสัมพันธ์ทางอำนาจเปลี่ยนไป เป็นการนำอาจขึ้นไปข้างบน ลดอำนาจประชาชน เพิ่มอำนาจให้รัฐ ไม่ใช่มิติเฉพาะการเมืองที่แตกต่างกับรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 ทำให้กลายเป็นยุคตกต่ำ ถดถอย ในเรื่องสิทธิชุมชน และการเมืองภาคประชาชน “ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่เกิดขึ้นภายในสถาบัน องค์กรทางการเมือง แต่มันเกิดขึ้นจากบริบททางการเมืองภายนอกที่กดดัน ซึ่งตราบใดก็ตามถ้าพลังทางสัมคมไม่เข้มแข็ง ไม่ผลักดัน ก็จะไปไม่ได้“ รศ.ดร.ประภาส กล่าว ส่วนบทบาทของ สว.ใหม่ต่อการแก้รัฐธรรมนูญนั้น รศ.ดร.ประภาส มองสว่า การแก้รัฐธรรมนูญที่ต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่อาจจะมีการแก้ในรายมาตรา ซึ่งข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญของนายพริษฐ์ เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ยาก ที่จะผ่านการเห็นชอบจาก สว. แต่ก็มีส่วนที่สำคัญอย่างมากที่เห็นด้วย อย่างกรณีบทบัญญัติเรื่องการการป้องกันการรัฐประหาร เป็นเรื่องที่ต้องฉันทานุมัติของสังคม ไม่ให้เกิดการยอมรับในการแทรกแซงทางการเมืองแบบนี้ และแม้จะไม่ได้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญ แต่การรณรงค์อย่างกว้างขวางเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก และสังคมไม่ควรรับรองคำสั่งของคณะรัฐประหาร มีศักดิ์และสถานภาพเทียบเท่ากับกฎหมาย รศ.ดร.ประภาส กล่าวเห็นด้วยกับนายนิกรในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ส่วนในรายมาตราก็มีความสำคัญ และควรมีการสร้างบทสนธนาในสังคม แม้จะยากในเรื่องการยอมรับจากผู้คนในสังคมในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปที่พรรคประชาชนจะเสนอไป “อยากเรียนร้องรัฐบาลว่า ก็ควรกำหนดปฏิทินหรือประกาศให้มันชัดเจนเกี่ยวกับการลงประชามติ ประชาชนจะได้เห็นว่าเราจะเดินก้าวแรกได้เมื่อไหร่“ รศ.ดร.ประภาส ขณะที่ ผศ.ดร.เข็มทอง เผยว่า ผลงานที่ผ่านมาของรฐธรรมนูญปี 25​60 ที่ ใช้มากว่า 7 ปี ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้อาจอยู่นานกว่าฉบับปี 2540 คาดว่า จะไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่น่าจะเป็นการแก้ไขฉบับเดิมเพิ่มเติม การดูว่ารัฐธรรมนูญนั้นประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวต้แงดูจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ที่มีรัฐธรรมนูญขึ้นมา ในโลกยุคใหม่นั้นระบบการเมืองควรถ่ายทอดเสียงประชาชนให้ออกมาเป็นนโยบายและการกระทำที่เป็นรูปธรรมและรัฐธรรมนูญควรลดความขัดแย้งในสังคม ทั้งการประท้วง การปะทะ ผศ.ดร.เข็มทอง ยังกล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แยกเป็นแบบทับซ้อนคือฉบับ5 ปีแรกและฉบับถาวรที่ใช้ในปัจจุบัน ทั้งกว่าจะได้ใช้อย่างจริงจังก็ผ่านไปเกือบ 3 ปีคือหลังการเลือกตั้งปี 2562 มองว่าจุดที่น่าสนใของรัฐธรรมนูญฉบับ 60 นี้ไม่สามารถทำให้เจตจำนงประชาชนเปลี่ยนเป็นรูปธรรมทางการเมืองได้ เพราะมีกลไกลจำนวนมากในการกลั่นกรองเสียงข้างมาก รวมถึงกลไกลหลังการเลือกตั้งทั้งการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องมีเสียงของวุฒิสภา(สว.)มาโหวต ทั้งการที่สังคมตื่นตัวการสรรหาสว.แต่ระบบถูกออกแบบให้ประชาชนไม่สามารถเลือกสว.ได้ คะแนนมาจากการเจรจารอบต่างๆ ทังหมดนี้ทำให้เกิดความตึงเครียดในระบบ ”อย่างการตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ทุกคนเฝ้าดู ตอนเช้าเป็นนายกตอนบ่ายหลุดไปแล้ว มีแรงกระเพื่อมหลังจากนั้น กว่าจะแต่งตั้งครม. เป็นความตึงเครียดในระบบทั้งสิ้น“ผศ.ดร.เข็มทอง กล่าว รายงาน: กิตติธัช วิทยาเดชขจร ภาพ: พุฒิพงศ์ ธัญญพันธุ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์

วันนี้ (20 กันยายน) ที่จังหวัดราชบุรี ธนกร วังบุญคงชนะ […] The post ธนกรหวังรัฐสภารอบคอบหากคิดแก้ รธน. ปมจริยธรรม ส่อถูกมองเอื้อนักการเมืองกันเอง appeared first on THE STANDARD.

JUSTICE: นับถอยหลัง เหลือเวลา 25 วัน ครบ#20ปีคดีตากใบ เร่งติดตามจับกุมจำเลยและผู้ต้องหา รวม 14 คน ก่อนหมดอายุความ 25 ต.ค.67 เหลือเวลา 35 วัน ก่อนที่คดีสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.2567 The Reporters ขอรวบรวมรายชื่อ ผู้ต้องหา และ จำเลย รวม 15 คนตามรายชื่อ ทั้ง 2 คดี ซึ่งมีชื่อซ้ำกัน 1 คน ทำให้เหลือทั้งหมดรวม 14 คน สำหรับคดีที่ญาติผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ 48 ราย ยื่นฟ้อง และศาลจังหวัดนราธิวาส รับฟ้อง และออกหมายจับจำเลย 6 คนและหมายเรียก 1 คน รวม 7 คน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ในข้อหาฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันฆ่าผู้อื่น และกักขังหน่วงเหนี่ยว จากการสลายการชุมนุม 7 คน จากการลำเลียงใส่รถบรรทุกไปยังค่ายอิงคยุทธบริหารจนขาดอากาศหายใจ 78 คน รวม 85 คน ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ออกหมายเรียกเพราะเป็น สส.มีความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ และอีก 6 คน ศาลออกหมายจับ ประกอบด้วย จำเลยที่ 3 พล.อ เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชรอดีตผู้บัญชาการพล.ร.5 จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จำเลยที่ 8 นายศิวะ แสงมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้และอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จำเลยที่ 9 นายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ทั้งหมดจะต้องมีการจับกุมตัวมาขึ้นศาล ก่อนวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ถ้าไม่ได้ตัวคดีจะสิ้นสุด ส่วนอีกคดี อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ก.ย.67 เป็นสำนวนคดีจาก สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ตั้งแต่ปี 2547 ที่ยังไม่เคยสั่งฟ้อง สำนวนการชันสูตรพลิกศพ ผู้ชุมนุมที่เสียชีวิต 78 ราย จากกว่า 1 พันราย ที่ลำเลียงใส่รถบรรทุกทหาร 25 คัน จึงตั้งข้อหา ผู้ควบคุม และพลขับ รวม 8 คน ประกอบด้วย ผู้ต้องหาที่ 1 พล.อ.เฉลิมชัย วึรุฬเพชร ผู้ควบคุม ผู้ต้องหาที่ 2 ร.ต. ณัฐวุฒิ เลื่อมใส พลขับ ผู้ต้องหาที่ 3 นายวิษณุ เลิศสงคราม พลขับ ผู้ต้องหาที่ 4 ร.ท.วิสนุกรณ์ ชัยสาร พลขับ ผู้ต้องหาที่ 5 นายปิติ ญาณแก้ว พลขับ ผู้ต้องหาที่ 6 พ.จ.ต.รัชเดช หรือพิทักษ์ ศรีสุวรรณ พลขับ ผู้ต้องหาที่ 7 พ.ท.ประเสริฐ มัทมิฬ พลขับ ผู้ต้องหาที่ 8 ร.ท.ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์ ผู้ควบคุมขบวนรถ ทั้ง 8 คน ตำรวจก็ต้องติดตามตัวมาส่งฟ้องต่อศาลให้ได้ภายในวันที่ 25 ต.ค.67 เช่นเดียวกัน ร่วมนับถอยหลัง คืนความยุติธรรมที่ตากใบ กับ The Reporters รายงาน : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย #TheReprters #เดอะรีพอร์เตอร์ #20ปีคดีตากใบ

BANGKOK: กทม. เตรียมความพร้อมจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม รองรับกฎหมายประกาศใช้ช่วง ต.ค. ยัน สำนักงานเขต พร้อมสนับสนุนเต็มที่ วันนี้ (20 ก.ย. 67) เวลา 11.00 น. ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงการจัดงาน "เตรียมพร้อมแต่งงาน: นับถอยหลังวันจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม" โดยระบุว่า ปกติทะเบียนสมรสจะจดที่สำนักงานเขต ตาม พ.ร.บ.เดิม ซึ่งจะเป็นผู้ชายกับผู้หญิง แต่ถ้ากฎหมายลูกทั้งหมดผ่าน กรุงเทพมหานครจะเป็นหน่วยงานสำคัญสำหรับจดทะเบียน สำหรับงานครั้งนี้เหมือนประกาศความพร้อมที่ทุกสำนักเขตพร้อมจะร่วมกับภาคีเครือข่าย ถ้ากฎหมายผ่าน กทม.ก็พร้อมเต็มที่ ซึ่งวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ได้มีการซักซักซ้อมให้จดแจ้งสมรสเท่าเทียมแล้ว แต่ยังจดทะเบียนไม่ได้เพราะกฎหมายยังไม่ผ่านจึงให้จดแจ้งไว้ก่อนทั้งหมด 164 คู่ ถ้ากฎหมายผ่านทุกอย่าง คาดว่าช่วงเดือนตุลาคม ทั้ง 164 คู่ก็สามารถจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมได้เลย ซึ่ง กทม.มีความพร้อมมากที่จะสนับสนุนเรื่องนี้ ทั้งนี้ นฤมิตไพรด์ และภาคีเครือข่าย จัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม พร้อมทั้งเปิดช่องทางลงทะเบียนสำหรับคู่รัก LGBTQIAN+ โดยคู่รักทุกเพศที่ต้องการจดทะเบียนสมรส สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวจดทะเบียนสมรสในวันที่ประกาศใช้กฎหมาย เดินหน้าจัดงานแต่งงานคู่รัก LGBTQIAN+ และจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมกว่า 1,000 คู่ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #กรุงเทพมหานคร #ศานนท์หวังสร้างบุญ #สมรสเท่าเทียม #จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

ค่ายธนะรัชต์ ประจวบคีรีขันธ์ 20 ก.ย.- “อนุทิน” เยี่ยมฝึก อส. ภาคสนาม ปลุกขวัญกำลังใจ อส. เป็นผู้ที่มีเกียรติด้วยหัวใจที่อาสาทำเพื่อชาติบ้านเมือง ให้นำความรู้จากการฝึกไปดูแลประชาชน บำบัดทุกข์บำรุงสุข รักษาความมั่นคงชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ได้ตรวจเยี่ยมการฝึกภาคสนาม โครงการเตรียมความพร้อมของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) หลักสูตรจัดตั้งและทดแทนสมาชิก อส. รุ่นที่ 40 และรุ่นที่ 41 ประจำงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย พร้อมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยร่วมคณะ ณ ค่ายธนะรัชต์ ประจวบคีรีขันธ์ นายอนุทิน พร้อมคณะพร้อมคณะได้รับฟังการบรรยายสรุปการฝึกภาคสนาม โดยผู้บัญชาการศูนย์การกำลังสำรอง จากนั้นชมการฝึกป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ อาทิ การปิดล้อมและตรวจค้นอาคาร การตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด และพบปะพร้อมมอบของตรวจเยี่ยมแก่สมาชิก อส. ที่เข้ารับการฝึก นายอนุทิน กล่าวว่า […] The post “อนุทิน” เยี่ยมฝึก อส. ภาคสนาม ปลุกขวัญกำลังใจ อส. appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

UPDATE: จีเอซี ไอออน ค่ายรถยนต์จีน เปิดตัว HYPTEC HT รถ SUV ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ในไทย กรุงเทพฯ - วันนี้ (20 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีเอซี ไอออน (GAC Aion) ผู้ผลิตยานยนต์ของจีนในเครือจีเอซี กรุ๊ป ได้เปิดตัว "ไฮป์เทค เอชที" (HYPTEC HT) แบรนด์รถเอสยูวีไฟฟ้าระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการในไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าหรู รายงานระบุว่าไฮป์เทคถูกรีแบรนด์มาจากไฮเปอร์ (Hyper) แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมของบริษัทฯ หลังจากการเปิดตัวครั้งแรก ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ประสบความสำเร็จ โดยไฮป์เทค เอชที มีให้เลือก 2 รุ่น พร้อมผสานการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน หม่าไห่หยาง กรรมการผู้จัดการบริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ชี้ว่าไฮป์เทค เอชที ได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับผู้ใช้ทุกคนด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น พร้อมเสริมว่าพวกเขากำลังทำงานร่วมกับจีเอซี เอเนอร์จี (GAC Energy) เพื่อเป้าหมายในการสร้างสถานีชาร์จ 25 แห่งในปีนี้ และสร้างสถานีชาร์จ 200 แห่งใน 100 เมืองทั่วไทยภายในปี 2027 อนึ่ง จีเอซี ไอออน ได้เริ่มต้นดำเนินแผนกลยุทธ์ประจำประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายน 2023 และเปิดตัวยานยนต์รุ่นแรกในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ก่อนจะเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ที่มา: สำนักข่าวซินหัว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #รถยนต์ไฟฟ้า #จีเอซีไอออน #GACAion

วันนี้ (20 กันยายน) แพทองธาร​ ชิน​วัตร​ นายกรัฐมนตรี เป […] The post นายกฯ เปิดทำเนียบ​คุย 12 องค์กรจิตอาสา ถอดบทเรียน​ช่วยน้ำท่วมเชียงราย​ ด้านคนแม่สาย​เผย เตือนถี่จนขาดความน่าเชื่อถือ appeared first on THE STANDARD.

"ไชยยงค์" เผย กมธ.แก้กฎหมายประชามติ พิจารณาเสร็จแล้ว แก้ไขถ้อยคำเล็กน้อย จ่อส่ง "ปธ.วุฒิสภา" บรรจุวาระประชุม 1 ต.ค.นี้ The post กมธ. แก้กม.ประชามติ พิจารณาเสร็จแล้ว appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

"ภูมิธรรม" เผย เตรียมนัดพรรคร่วม - สว.หารือแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราสัปดาห์หน้า ย้ำ ไม่แก้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง แต่เป็นฉันทามติร่วมกัน The post “ภูมิธรรม” ย้ำแก้ รธน.ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

นายกฯ เปิดทำเนียบ​พบจิตอาสาช่วยน้ำท่วม ​ขอบคุณ เป็นโชคด […] อ่านข่าวต้นฉบับ: นายกฯ เปิดทำเนียบ​ขอบคุณ “จิตอาสาช่วยน้ำท่วม” ยันพร้อมซัพพอร์ต-เยียวยาประชาชน

POLITICS: 'ภูมิธรรม' เผย เตรียมนัดพรรคร่วม - สว.หารือแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราสัปดาห์หน้า ย้ำ ไม่แก้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง แต่เป็นฉันทามติร่วมกัน วันนี้ (20 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือพรรคร่วมรัฐบาลกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ว่า ได้ให้เลขาประสานกับหัวหน้าพรรคเพื่อพูดคุยภายในสัปดาห์หน้า ก่อนวันศุกร์ (27 ก.ย. 67) โดยจะเลือกวันที่ว่างพร้อมกัน ซึ่งจะเป็นการหารือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีฝ่ายค้าน เพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือปัญหาบางส่วนซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราจะเป็นทางออกที่ช่วยได้ โดยจะต้องหารือว่ามีประเด็นใดบ้าง ที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันก็จะเป็นฉันทามติ เพราะทุกฝ่ายต้องเห็นปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่ง และยังไม่ได้พูดคุย ว่าแนวโน้มรัฐบาลจะเห็นตรงกันหรือไม่ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทุกพรรคเห็นตรงกันในการแก้จริยธรรมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกพรรค เห็นว่ามีหลายประเด็นที่จะต้องแก้ไข ประเด็นที่เห็นต้องพ้องกันทั้งหมดจะเป็นเรื่องง่ายที่สุด ส่วนประเด็นที่เห็นต่างก็ต้องคุยกันให้จบ นายภูมิธรรม กล่าวถึงพรรครัฐบาลจะเห็นด้วยกับ การแก้ไขอำนาจองค์กรอิสระ ว่า ต้องหารือกับทุกคน เพราะเราเป็นรัฐบาลพรรคร่วม ดังนั้นการที่จะจัดการกับหน่วยงาน หรือแก้ไขปัญหาอะไรก็ตาม ก็ควรจะเป็นการหารือกันทั้งหมด ขอเวลาคุยในสัปดาห์หน้าก็จะชัดเจน และจะสามารถประสานเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ ทั้งนี้ต้องไปดูกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนจะต้องคุยกับพรรคภูมิใจไทยเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากการการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องกับ สว. นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่พิเศษ คุยปกติ ถ้าเห็นว่าสิ่งใดเป็นปัญหาก็แก้ได้ การแก้ไขปัญหาเพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้นต้องมีความหวัง และใช้ความพยายาม เราจะประสานกับวิป สว. ด้วย เพราะ สว.เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะแก้ไขปัญหา คิดว่าจะพยายามประสานทุกฝ่าย ซึ่งหากทุกคนเห็นพร้อมต้องกันก็จะเป็นเรื่องดีที่สุด ถ้าไม่เห็นพ้องต้องกันต้องดูที่เหตุผล และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ว่าจะต้องใช้เสียงอะไรอย่างไร เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญในชั้นนักการเมืองจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ในชั้นประชามติจะมี ปัญหาที่ถูกมองว่าเสียงมี 2 ฝ่าย คือ แก้เพราะบริหารประเทศยาก และแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในทางปฏิบัติพิสูจน์ได้ชัดเจน ว่าเรื่องอะไรที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นปัญหา สิ่งสำคัญไม่ใช่แก้เพื่อตัวเอง แต่เป็นการแก้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการตรวจสอบ และการดำเนินการต่าง ๆ ให้ยุติธรรม ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองที่จะนำมาประหารกัน เป็นเรื่องที่เราพยายามจะทำให้ระบบการตรวจสอบทั้งหลายเกิดการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เห็นประเด็นปัญหาที่ชัดเจนมากขึ้นในการตัดสินปัญหาต่าง ๆ นายภูมิธรรม ระบุด้วยว่า ไม่ต้องห่วงว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นนิติสงคราม เอาความตั้งใจ ปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง ถ้าเราตั้งใจปรารถนาดี และดูข้อกฎหมายครบถ้วน ทุกอย่างก็เดินหน้าได้ และปรับปรุงแก้ไขได้ สิ่งที่รัฐบาล หรือฝ่ายค้านสร้างไว้ไม่ว่าใครก็ตามต้องขึ้นอยู่กับความเป็นจริง อะไรที่แก้ไขแล้วเป็นสิ่งที่ดีขึ้นต้องแก้ไขได้ อะไรที่เหมาะสมกับยุคสมัยหนึ่ง แต่เมื่อเปลี่ยนยุคสมัยแล้วไม่สอดคล้องก็ต้องแก้ไข พร้อมย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจะทำควบคู่ไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ขณะนี้กำลังรอการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติในที่ประชุมวุฒิสภา #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ภูมิธรรม #แก้รัฐธรรมนูญ

"นายกฯ แพทองธาร" ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้ The post นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

UPDATE: สมาคมแม่บ้านตำรวจ เปิดร้านปันรักษ์ แฟลกชิป สโตร์ - ร้านอาซ้อ คาเฟ่ สาขาใหม่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น สนับสนุนอาชีพเสริมให้ครอบครัวตำรวจ วันนี้ (20 ก.ย. 67) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ อดีตนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมเป็นประธานเปิดร้านปันรักษ์ และร้านอาซ้อ คาเฟ่ สาขาสี่แยกราชประสงค์ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โรงพยาบาลตำรวจ นิภาพรรณ กล่าวว่า การเปิดร้านปันรักษ์ และร้านอาซ้อ คาเฟ่ แห่งใหม่ ณ โรงพยาบาลตำรวจ เกิดจากความตั้งใจของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นทั่วประเทศของครอบครัวข้าราชการตำรวจ และเมล็ดกาแฟของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สร้างรายได้สู่ชุมชน และสนับสนุนครอบครัวตำรวจให้มีอาชีพเสริม ร้านปันรักษ์ แฟลกชิป เป็นร้านสาขาที่ 7 และร้านอาซ้อ คาเฟ่ ในรูปแบบพรีเมี่ยมเป็นร้านแรก ตั้งอยู่ที่บริเวณแยกราชประสงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โรงพยาบาลตำรวจ ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายเป็นสินค้าพรีเมียม คัดสรรมาจากทั่วประเทศ โดยร้านอาซ้อ คาเฟ่ เป็นการสร้างอาชีพยั่งยืนให้ครอบครัวตำรวจ อีกทั้งยังสนับสนุนเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และชุมชนในพื้นที่ดอยสามหมื่น ตชด.ที่ 33 อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ที่สมาคมแม่บ้านตำรวจมีโครงการสนับสนุนและพัฒนาเมล็ดกาแฟ สร้างรายได้แก่พื้นที่ต่าง ๆ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สมาคมแม่บ้านตำรวจ #ร้านปันรักษ์ #ร้านอาซ้อคาเฟ่ #โรงพยาบาลตำรวจ

POLITICS: นายกฯ ถก 12 องค์กรจิตอาสา - เอกชน แก้ปัญหาน้ำท่วมเชียงราย ขอ เปิดพื้นที่รับฟัง ประสานทุกหน่วยงานเร่งเข้าไปดูแล พร้อม ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำงานอย่างเต็มที่ วันนี้ (20 ก.ย. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงาน “ประสานพลัง ประสานใจ” ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้พูดคุยหารือร่วมกับคณะจิตอาสา 12 องค์กร และภาคเอกชน นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนต้นว่า ขอบคุณทุกท่านมาก ๆ ที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ เราเชื่ออยู่แล้วว่าทุกคนที่อยู่ที่อยู่หน้างานโดยตรง ได้เข้าช่วยเหลือทันที และนี่คือสิ่งที่แน่นอนว่าคนหน้างานตรงนั้น ถือว่าช่วยพี่น้องประชาชนได้อย่างมากมายรวมถึงจิตอาสาด้วย วันนี้ที่มาพูดคุยกันอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งรัฐบาล จิตอาสา เอกชน ประชาชนหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ต้องขอขอบคุณมาก ๆ และตอนนี้ของเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยเยอะ ฝ่ายหน้างานบอกว่าเรื่องของอาหารการกินค่อนข้างพอ แต่เราก็มาย้อนดูกันว่าจะทำอะไรเพิ่มเติมได้อีก หรือว่าแก้ปัญหาอย่างไรได้อีก เพราะตอนนี้ทราบอยู่แล้วว่าน้ำทางภาคเหนือมาถึงภาคอีสานแล้ว ซึ่งในวันนี้ขอให้ทุกคนมีข้อมูลอะไร หรือมีอะไรที่อยากจะบอกทางรัฐบาลให้สนับสนุน ทุกคนพร้อม และยินดีที่จะช่วยเหลือกัน และมีอะไรที่อยากให้รัฐบาลปรับปรุงตรงไหน ขอให้แชร์กันในวันนี้เลยจะดี วันนี้เรามีเอกชนหลายฝ่าย หลายคน มาจากหลายที่ และพร้อมสนับสนุนเราในหลาย ๆ ด้าน เพราะฉะนั้น ตรงนี้ถือเป็นวิธีที่ดี ที่จะสามารถบอกได้ เข้าใจว่าห้องนี้ดูใหญ่ และเกร็ง แต่อยากให้ทุกคนเข้ามา และบอกว่าพี่น้องต้องการอะไรบ้าง ขอให้แชร์กันได้อยากเปิดพื้นที่ สำหรับปัญหาที่ตัวแทนจากกลุ่มจิตอาสา และภาคเอกชนได้เสนอแนะต่อรัฐบาล เป็นในเรื่องของการช่วยเหลือในเฟสแรก ขณะนี้ในพื้นที่ภาคเหนือได้จบลงแล้ว แต่อยากให้เร่งเยียวยาช่วยเหลือในเฟสสอง รวมถึงอยากให้ทำเขื่อนที่บริเวณริมแม่น้ำสาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งแนะนำการใช้วิธีใช้เข็มตอกทั้งสองฝั่ง ห่างกัน 4 เมตร และการยกระดับพื้นที่ถนนเกาะทราย เพื่อป้องกันน้ำท่วมเกิดซ้ำ ปัญหาการจราจรในพื้นที่เนื่องจากมีรถของกู้ภัยเข้าไปในพื้นที่เยอะ และถนนแคบทำให้การจราจรติดขัด การเข้าไปช่วยเหลือแต่ละครั้งยากลำบาก ปัญหาด้านการเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ซ้ำซ้อนกัน อยากให้นำเทคโนโลยี หรือทำแอปพลิเคชั่น เพื่อเก็บข้อมูลในส่วนนี้ และจะได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้ ส่วนตัวแทนภาคเอกชนพูดถึงการเยียวยาในเรื่องของอุปโภค บริโภค ที่นำเข้าไปแจกประชาชนและการบริจาคทรัพย์สิน ซึ่งหลังจากนี้ จะช่วยในเรื่องยา และการเสริมพลานามัยของประชาชน และตัวแทนกู้ภัยจากแม่สาย ไล่เลียงถึงการแจ้งเตือนที่ไม่ทั่วถึง และน่าเชื่อถือ จึงอยากให้รัฐบาลแก้ไขในส่วนนี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนรับมือกับเหตุการณ์ได้ทัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องเจ็ทสกีเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะในพื้นที่แคบ เรือไม่สามารถเข้าไปได้ หากมีเจ็ตสกีก็จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนผู้สูงอายุที่ติดอยู่ในตัวบ้านได้ทัน ส่วนเรื่องการจราจรที่มีปัญหาจะเร่งประสานทางจังหวัดโดยด่วน เพราะเป็นปัญหาของตัวจังหวัดเอง และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาช่วยเหลือกันมากมายขนาดนี้ และตอนนี้หน้าที่ของรัฐบาลที่เราเน้นย้ำกันอยู่ ที่ตั้งศูนย์ขึ้นมาเพื่อมอนิเตอร์น้ำท่วมทั่วประเทศ ไม่ว่าในเชียงราย เราจะทำอย่างไรให้เงินเยียวยาถึงมือประชาชนเร็วที่สุด และเราเห็นทางน้ำ ว่าจะไหลไปทางไหนจึงได้มีการประสานกองทัพ หน่วยงานราชการต่าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งในพื้นที่แม่สายที่ได้รับผลกระทบรุนแรง เนื่องจากว่าพนังกั้นน้ำพังลง ต้องมีการแก้ไข รวมไปถึงได้เริ่มพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับปริมาณน้ำ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามา เชื่อว่าทุกคนทุกหน่วย ได้ทำงานในแต่ละส่วน ต่างกันไป แต่อย่างทุกส่วนคือสิ่งสำคัญบางส่วนไม่ช่วยหน้างาน แต่หลังจบงานก็สำคัญเช่นกัน เพราะสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจ คืออยากให้ความทุกข์ของพี่น้องประชาชนสั้นที่สุด การเยียวยาก็อย่าฟื้นฟูบ้านเรือนให้กลับมาอยู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด และงานวันนี้คือเป็นศูนย์รวมน้ำใจของคนไทย เพื่อช่วยคนไทยด้วยกันเอง คือสิ่งสำคัญ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง วันนี้เรามาร่วมกันด้วยความที่เราใจตรงกัน คือการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน เพราะฉะนั้น ไม่มีใครมาก หรือน้อยไปกว่าใคร ทุกคนตั้งใจจะช่วยจริง ๆ ขอให้กำลังใจทุกคนที่ทำหน้างานด้วย ขอบคุณเอกชนที่ส่งของอย่างไม่ขาดสาย ”น้ำใจของคนไทยยังอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินไทย แน่นอนว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ก็มีโรงครัวพระราชทาน และฝากกระแสความห่วงใยมาตั้งแต่วันแรก ๆ อยู่แล้ว ก็ถือว่าอย่างน้อย ๆ ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น คนไทยก็ยังรักกัน และยังโชคดีในหลายหลายเรื่อง“ นายกรัฐมนตรี กล่าว จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมมอบสิ่งของอุปโภค - บริโภค ไปยังพื้นที่ประสบภัย บริเวณเสาธง หน้าตึกสันติไมตรี และถ่ายรูปร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และจิตอาสา ที่ให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุน ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และกล่าวขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน โดยสรุปว่า วันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาลได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล เอกชน จิตอาสา และอีกหลายหน่วยงานที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ก็ทำให้เห็นว่าประเทศไทยของเราในภัยพิบัติต่าง ๆ ยังมีความโชคดี คือคนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอด ในวันนี้รัฐบาลมีหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ประสานใจ ของประชาชนทั้งประเทศ วันนี้ที่มีวิกฤติ ก็ขอให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นภาคส่วนไหนก็ตาม ตอนนี้เรื่องน้ำท่วมลดน้อยลง แต่ปัญหายังมีเรื่องดินโคลนถล่ม ที่ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคง หรือทุกกระทรวงเข้าไปช่วยเหลือ และถามถึงจุดต่าง ๆ พี่น้องประชาชนต้องการจะช่วยเหลือเพิ่มเติม “วันนี้ที่เรามารวมกัน นับเป็นภารกิจที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน และอยากจะเร่งเยียวยาให้พี่น้องที่ประสบภัยตอนนี้มีความทุกข์ให้สั้นที่สุด เชื่อว่าทุกฝ่าย กำลังพลตามพื้นที่ที่ขอมา ได้ประสานไปเรียบร้อยหมดแล้ว และเมื่อสักครู่ได้มีการประสานว่าจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ติดขัด ตำรวจได้เข้าไปดูในพื้นที่หมดแล้ว และเริ่มจัดคิวทุกอย่างให้การเดินทางในจังหวัดเป็นไปได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทุกกระทรวง ทุกกรม ที่ช่วยกันบูรณาการความช่วยเหลือ โดยเฉพาะราชการส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ที่เป็นหน้าด่าน ในการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติ เป็นหน่วยหลักในการดูแลพี่น้องประชาชนในขณะนี้ และที่ขาดไม่ได้ต้องขอคุณจิตอาสาทุก ๆ ท่าน รวมถึงภาคเอกชนที่วันนี้มาจับมือกับทางภาครัฐ ยังช่วยกันเสียสละกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์เพื่อช่วยกัน หวังว่าการเยียวยาหลังจากนี้ จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเต็มกำลัง ตอนนี้มีการตั้งศูนย์ ศปช. เพื่อมอนิเตอร์น้ำท่วมทั่วประเทศ เพราะฉะนั้น เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เราจะสั่งการได้อย่างรวดเร็ว และทันท่วงที ทั้งการส่งกำลังคนการส่งอาหาร การส่งเฮลิคอปเตอร์ หรือสิ่งต่าง ๆ เราจะสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้ด้วย รายงาน: สริตา เรืองจิต ภาพ: ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #น้ำท่วม #น้ำท่วมเชียงราย #เชียงราย #นายก #นายกรัฐมนตรี #แพทองธาร #แพทองธารชินวัตร

POLITICS: เลขาฯ สภา เผย สส.ขาดประชุมได้ไม่เกิน 1 ใน 4 หากขาดเกินส่งผลต่อสมาชิกภาพ ยืนยัน กรณีของ ‘พล.อ.ประวิตร’ ส่งใบลาทุกครั้ง และประธานสภาฯ อนุญาต ไม่ถือว่าขาดประชุม ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อสงสัยในการไม่เข้าร่วมประชุมสภาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า สส.สามารถลาประชุมได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของวันประชุมในสมัยประชุมที่มีจำนวน 120 วัน หากขาดเกิน 1 ใน 4 ก็ถือว่าขาด แต่ในทางปฏิบัติมีระเบียบการลงชื่อมาประชุมและการลาประชุม ซึ่ง สส.จะทราบระเบียบนี้ มีแบบฟอร์มที่สามารถยื่นลาประชุมได้ล่วงหน้าก่อนวันประชุม และหลังจากวันประชุมได้ภายใน 7 วัน เป็นดุลพินิจในการอนุญาตของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านมาประธานสภาฯ มอบหมายให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ในขณะนั้น เป็นผู้อนุญาต และเมื่อได้ยอดในแต่ละครั้ง จะทำยอดรวมเพื่อรายงานประธานสภาฯ ทราบว่ามีสมาชิกลาเท่าไหร่ และหากการลาได้รับอนุญาตจากประธานสภาฯ ก็ไม่ถือว่าเป็นการขาดประชุม แม้จะเกิน 1 ใน 4 ของวันประชุมก็ตาม โดยให้ยึดตามใบลา และถ้าขาดประชุม 1 ใน 4 โดยที่ประธานไม่ได้อนุญาต ก็ถือว่าขาดการประชุม และมีผลต่อสมาชิกภาพของ สส. แต่ส่วนมาก สส.จะยื่นใบลา และได้รับการอนุญาต ส่วนกรณีพลเอกประวิตรที่ถูกยื่นสอบจริยธรรม เป็นส่วนที่คณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมเป็นผู้พิจารณา เมื่อได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลในเรื่องนี้ทราบว่า พล.อ.ประวิตร ได้ยื่นใบลาในเวลาที่ไม่มาประชุมทุกครั้ง โดยระบุเหตุผลว่ามีภารกิจในวันดังกล่าว ซึ่งนายพิเชษฐ์จะพิจารณาอนุญาต มีหลักฐานการลาของ พล.อ.ประวิตร อยู่ ขณะนี้ยังไม่มีใครมีปัญหาเรื่องวันลาประชุม เพราะสมาชิกส่วนมากจะยื่นลาก่อนประชุมและหลังประชุม สำหรับเอกสารการลาของ สส. ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบได้เบื้องต้นว่า ขาด-ลา กี่ครั้ง โดยสามารถขอที่กลุ่มงานข้อมูลข่าวสาร เพราะถือเป็นข้อมูลที่เปิดเผยได้ แต่จะไม่สามารถทราบเหตุผลการขาดลาของ สส.ได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ มีเว็บไซต์ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่สามารถเข้าไปขอข้อมูลเกี่ยวกับการลาของสมาชิกได้ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #สภาผู้แทนราษฎร

LIVE: ‘พริษฐ์ - นิกร’ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “ทบทวนรัฐธรรมนูญ 2560 สู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่” #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

POLITICS: ‘ชัยชนะ’ แจงเงื่อนไข ‘ประชาธิปัตย์’ ร่วมรัฐบาล ชี้ ตั้งใจทำงาน เอาผลงานมาพิสูจน์ชาวใต้ คืนความศรัทธาให้พรรค หวังเลือกตั้งรอบหน้าพัทลุงยกจังหวัด วันนี้ (20 ก.ย. 67) ที่สำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 จังหวัดพัทลุง นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดงานสัมมนาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จ.พัทลุง พร้อมชี้แจงถึงเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลว่า พรรคมีเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล 4 ข้อ 1. ต้องบรรจุนโยบายแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างรัฐกับประชาชน 2. การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร 3. การกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4. ปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นให้เด็ดขาด นายชัยชนะ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์มีความผูกพัน และได้รับความไว้วางใจจากคนใต้มายาวนาน ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาผลการเลือกตั้งจะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ภายใต้การนำของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค จะตั้งหน้าทำงาน และเอาผลงานมาพิสูจน์ชาวใต้ให้กลับมาศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเช่นที่เคยเป็นมา วันนี้ประชาธิปัตย์ได้ สส.พัทลุง 2 คน คือ นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ และนางสาวสุพัชรี ธรรมเพชร ที่ทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนชาวพัทลุงในสภาฯ นำเสนอปัญหาของชาวพัทลุงอย่างเข้มแข็ง เป็นนักการเมืองที่มีอนาคต “ผมในฐานะรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ขอโอกาสจากพี่น้องว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้พี่น้องพัทลุงให้พรรคประชาธิปัตย์ยกจังหวัด เพราะถือว่าพัทลุงกับประชาธิปัตย์มีความผูกพันกันมายาวนาน” นายชัยชนะ กล่าว #TheReoorters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #พรรคประชาธิปัตย์ #พัทลุง #ชัยชนะเดชเดโช

UPDATE: รมว.สธ.ส่งขบวนรถขนยา-เวชภัณฑ์-อุปกรณ์ช่วยเหลือล็อตใหญ่ แย้ม เรื่อง NCD จะเป็นนโยบายหลักเสริมในปีงบประมาณหน้า ย้ำ พร้อมคุยคนบอกขาดทุนบัตรทอง เตรียมตั้งอนุกรรมการ ตรวจงบทั้งหมด วันนี้ ( 20 ก.ย. 67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานส่งมอบอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ ยา เวชภัณฑ์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมปล่อยขบวนรถขนส่ง โดยมี แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 ผู้บริการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกรมการแพทย์ เข้าร่วม ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมสูง ที่จังหวัดอุบลราชธานีในหลายอำเภอ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงนั้น ตนได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและหน่วยบริการต่างๆ ยกระดับมาตรการ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมเตรียมความพร้อมทีมแพทย์รองรับสถานการณ์อุทกภัยที่จะเกิดขึ้น โดยได้มีการสั่งการให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในทุกจังหวัดที่มีความเสี่ยง และให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร็วที่สุด ทั้งนี้ ยังต้องมีการส่งความห่วงใยเป็นพิเศษถึงกลุ่มที่เปราะบางและอาจถูกละเลย จึงได้มีการส่งมอบ ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ ของเล่นเด็ก รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ แก่ผู้ประสบอุทกภัยในกลุ่มเปราะบางและคนพิการ จากการสนับสนุนของกรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลราชวิถี สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สถาบันประสาทวิทยา โรงพยาบาลสงฆ์ สถาบันโรคผิวหนังสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และสถาบันโรคทรวงอก “รวมถึงเครือข่ายผู้มีความห่วงใยทั้งหลาย โดยจะจัดให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ เด็ก พระสงฆ์ และกลุ่มเปราะบาง นอกจากนี้ ได้มอบให้กรมการแพทย์ เตรียมความพร้อม ทีมแพทย์สนามฉุกเฉินระดับตติยภูมิ (Medical Emergency Response Team: MERT) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของพื้นที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เนื่องจากทีมแพทย์ดังกล่าว เป็นทีมที่มีศักยภาพชั้นสูงในการช่วยเหลือดูแลผู้ประสบอุทกภัย โดยวันนี้ มีการบริจาคยาและเวชภัณฑ์ อาทิ ยารักษาโรคน้ำกัดเท้า ยาทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ยารักษาโรคระบบทางเดินหายใจ ยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร ยาแก้ไข้หวัด ยาแก้แพ้ ยาสำหรับผู้ป่วยเด็ก ยาสามัญประจำบ้าน และยาที่จำเป็นในการรักษาในภาวะน้ำท่วมสำหรับประชาชน โดยมี แพทย์เฉพาะทาง เป็นผู้ดูแลการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์” รมว.สาธารณสุข กล่าว นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ อาทิ ไม้เท้า 1 ปุ่ม 132 อัน walker 15 อันไม้เท้า 3 ขา ไม้ค้ำยันระดับแขน 11 คู่ Wheel chair ของกรมการจัดหางาน 72 คัน รวมถึงอุปกรณ์สิ่งของที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน อาทิ ผ้าอ้อม เสื้อผ้า อาหารแห้ง นม ชุดบูทสำหรับลุยน้ำท่วม ผ้าขนหนู จีวรพระสงฆ์ และสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆ รวมทั้งเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นความร่วมมือจากโรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดกรมการแพทย์ รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชน ที่ต่างรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วย นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีนโยบายหลักปีงบประมาณ 2568 จะผลักดันเรื่อง NCD ใช่หรือไม่ว่า นโยบายหลักของกระทรวงสาธารณสุข มีอยู่แล้ว แต่เรื่องการลดผู้ป่วยกลุ่มโรค NCD ก็จะเป็นนโยบายหลักเสริม ซึ่งตนขอให้รอการแถลงนโยบายที่ชัดเจน ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มแพทย์ขอเพิ่มงบบัตรทอง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนอยากพบคนที่บอกว่าขาดทุน โดยขอให้มาพบกับตน เพราะตนบอกแล้วว่า การคิดคำนวนของ สปสช.นั้น ประกาศเร็วไป ซึ่งมีส่วนต่างเพียงเล็กน้อย ดังนั้น จะบอกว่าขาดทุนไม่ได้ โดยรัฐบาล ก็เพิ่งเติมงบประมาณให้ ซึ่งต้องนำคณิตศาสตร์มาคำนวน ส่วนการประชุมบอร์ด สปสช. ที่จะถึงนี้ ตนก็จะตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อไปดูรายละเอียดงบประมาณทั้งหมด โดยเฉพาะตัวเลขอะไรที่น่ากลัว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สมศักดิ์เทพสุทิน #กรมการแพทย์ #กระทรวงสาธารณสุข #น้ำท่วม #อุทกภัย

นายกฯ ย้ำรัฐบาลพร้อมช่วยสนับสนุนองค์กรและมูลนิธิฯ ในการช่วยเหลือประชาชนจากภัยน้ำท่วม เปิดเวทีรับฟังปัญหาหลังเข้าไปช่วยเหลืออุทกภัยแม่สาย เพื่อถอดบทเรียน ด้านมูลนิธิการกุศลขอรัฐบาลช่วยเรื่องภาษี The post นายกฯ ย้ำรัฐบาลพร้อมหนุนมูลนิธิฯ ช่วยเหลือประชาชนจากน้ำท่วม appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

"จุลพงศ์" ผิดหวังนโยบายต่างประเทศ เตือน “มาริษ” ไม่ใช่ข้าราชการประจำ เย้ย “วีซ่าเชงเกน” หายไปไหน หรือเขาปฏิเสธมาแล้วแบบนิ่มๆ มองไทยกำลังหมดหวังเก้าอี้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแล้ว The post “จุลพงศ์” ผิดหวังนโยบายต่างประเทศ เย้ย “วีซ่าเชงเกน” หายไปไหน appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

วันนี้ (20 กันยายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ชูศักดิ์ ศิรินิล ร […] The post ชูศักดิ์เตรียมยื่นแก้ พ.ร.ป.พรรคการเมือง รื้อปมคุณสมบัติสมาชิก พร้อมแก้อำนาจ ป.ป.ช. กำหนดกรอบรับฟ้องคดีเอง สัปดาห์หน้า appeared first on THE STANDARD.

“ชูศักดิ์” เผยเพื่อไทยเตรียมยื่นแก้กฎหมายพรรคการเมือง ร […] อ่านข่าวต้นฉบับ: เพื่อไทย จ่อแก้กฎหมายคุณสมบัติสมาชิกพรรค ปัดเอื้อ “ทักษิณ“ คืนบ้านเก่า

"ชูศักดิ์" เตรียมยื่นแก้ พ.ร.ป. พรรคการเมือง แก้เงื่อนไขสมาชิกพรรค ปัดเอื้อ "ทักษิณ" พร้อมยื่นแก้อำนาจ ป.ป.ช. กำหนดเวลาไต่สวนอย่างชัดเจน The post “ชูศักดิ์” เตรียมยื่นแก้ พ.ร.ป. พรรคการเมือง appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

POLITICS: ‘วันนอร์’ แย้มอาจพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญได้ก่อนกลางตุลาคมนี้ รอหารือวิปสามฝ่าย ตกลงกรอบเวลาที่ชัดเจน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่พรรคเพื่อไทยเสนอมาเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) แต่เมื่อได้รับแล้ว ฝ่ายกฎหมายกับกองงานประชุมก็จะเสนอเข้ามาเพื่อดำเนินการบรรจุระเบียบวาระ โดยขั้นตอนต่อไป จะเชิญประชุมผู้แทนรัฐบาลกับวิปสามฝ่าย นัดวันที่ชัดเจนในการพิจารณา ทั้งนี้ เดิมตนเองบอกว่า จะประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวภายในช่วงกลางเดือนตุลาคม แต่หากเสร็จเรียบร้อย อาจจะก่อนกลางเดือนตุลาคมก็ได้ เพราะขณะนี้ร่างของฝ่ายค้านยื่นมาหมดแล้ว ส่วนวันที่ 25 กันยายนนี้ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า จะไม่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาแล้ว และหากจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าว ก็ไม่ทัน เนื่องจากจะต้องมีการบรรจุระเบียบวาระก่อนล่วงหน้า 5 วัน #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #แก้รัฐธรรมนูญ

UPDATE: ‘มาริษ’ คุยทูตกลุ่มประเทศ ACMECS หาแนวทางแก้ปัญหาแม่น้ำโขงท่วม-น้ำแล้ง ยืนยัน ไทยพร้อมเป็นหัวหอกเสริมสร้างความสามารถการบริหารจัดการแม่น้ำโขงร่วมกัน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือร่วมกับเอกอัครราชทูตกลุ่มสมาชิกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ ACMECS จำนวน 5 ประเทศประจำประเทศไทย ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย เพื่อริ่เริ่มความร่วมมือแก้ปัญหาอุทกภัยลุ่มน้ำโขง นายมาริษ ยืนยันว่า ประเทศไทยพร้อมเป็นหัวหอกในการระดมสรรพกำลัง ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำระหว่างประเทศ โดยใช้กรอบความร่วมมือของประเทศในอนุภูมิภาค ACMECS ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งของแม่น้ำโขงในระยะยาว รวมถึงใช้กลไกสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง และคณะกรรมการแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความรู้ด้านวิชาการ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารจัดการแม่น้ำโขงร่วมกัน นำไปสู่การพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้า การขุดลอกแม่น้ำ การพัฒนาพื้นที่รับน้ำ และโครงสร้างพื้นฐานในการบริหารจัดการแม่น้ำโขงต่อไปในอนาคต ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ริเริ่มในสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปี 2546 และเป็นกรอบความร่วมมือที่ประเทศไทยเป็นผู้ประสานงาน โดยกรอบความร่วมมือนี้มาจากแม่น้ำสำคัญ 3 สายในภูมิภาคที่ไหลผ่านประเทศสมาชิก ได้แก่ แม่น้ำอิรวดี ไหลผ่านประเทศเมียนมา, แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลผ่านประเทศไทย และแม่น้ำโขง ไหลผ่านประเทศไทย, สปป.ลาว, กัมพูชา และเวียดนาม มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เช่น การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และการเกษตร #TheReoorters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #มาริษเสงี่ยมพงษ์ #แม่น้ำโขง #ACMECS

"มาริษ" รมว.กต. คุยทูตกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง 5 ประเทศ หารือแนวทางการร่วมแก้ปัญหาแม่น้ำโขงท่วม-น้ำแล้ง ยืนยันประเทศไทยพร้อมเป็นหัวหอกระดมกำลังเสริมสร้างความสามารถการบริหารจัดการแม่น้ำโขงร่วมกัน The post รมว.กต. คุยทูตหามาตรการแก้ปัญหาแม่น้ำโขงท่วม-น้ำแล้ง appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

POLITICS: ’ชูศักดิ์’ เตรียมยื่นแก้ พ.ร.ป. พรรคการเมือง แก้เงื่อนไขสมาชิกพรรค ปัด เอื้อ ’ทักษิณ‘ พร้อมยื่นแก้อำนาจ ป.ป.ช. กำหนดเวลาไต่สวนอย่างชัดเจน วันนี้ (20 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการเตรียมยื่นแก้ไขพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ว่า จะยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวต่อสภา และพิจารณาในรัฐสภา โดยจะมีการแก้ไขในหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น การแก้ไขเรื่องความเป็นเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เพราะเดิมใช้คุณสมบัติของผู้สมัคร สส. จึงทำให้หลายคนไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคได้ คิดว่าสิทธิเสรีภาพในการเป็นสมาชิกพรรค ควรจะเปิดกว้างให้กับทุกคน เมื่อถามว่า การแก้ไขนี้เพื่อให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกับใคร หรือหมายถึงใคร ตนเองคิดว่าสิทธิเสรีภาพในการเป็นสมาชิกพรรค ควรจะเปิดกว้าง เป็นสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ไม่ควรมีข้อจำกัดมากมาย ก็ไม่ต้องไปพูดว่าหมายถึงใครยังไงอย่างไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราเคยทำมาแล้วในอดีต เพียงแต่ สว.ในนั้นไม่เห็นด้วย ส่วน สว.ชุดปัจจุบันนี้จะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ว่าในอนาคต นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า จะไปดูการแก้เรื่องยุบพรรค การครอบงำพรรค ว่าจำกัดไว้อย่างไรให้เหมาะสม โดยเรื่องการยุบพรรคเราก็จะเน้นไปที่เรื่องเฉพาะการล้มล้างการปกครอง ส่วนเรื่องอื่นๆไม่เอาถูกยุบพรรค ส่วนเรื่องการครอบงำก็จะปรับว่าจะทำอย่างไรให้รัดกุมขึ้น ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ครอบงำหมด นายชูศักดิ์ กล่าวถึงความกังวลว่าการแก้ไขกฎหมายนี้จะแก้ให้ตัวเอง ว่า ตนเองขอย้ำเราทำกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมพอสมควร ขอพูดง่าย ๆ คนที่ถูกตัดสินให้รอลงอาญาท้ายที่สุดเป็นสมาชิกพรรคไม่ได้ พร้อมถามกับสื่อว่าเป็นธรรมหรือไม่ ถ้ามาตั้งคำถามว่าแก้เพื่อตัวเองอย่างโน้นอย่างนี้ มันก็ตั้งคำถามได้หมด นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ได้ยื่นแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.ป.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ว่าจะแก้ในบางประเด็น กรณีแรกคือมีความผิดบางประเภทที่ ป.ป.ช. สั่งไม่มีมูล หรืออัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ก็ให้สิทธิ์ผู้เสียหายฟ้องคดีได้เอง เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายซึ่งเคยยื่นมาแล้ว แต่ท้ายที่สุดมีข้อทักท้วงบางประการก็นำกลับมาแก้ และขณะนี้ก็จะแก้ใหม่ พร้อมทั้งแก้เรื่องอื่น ๆ ไปด้วย เช่น เรื่องอำนาจฟ้องเองของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรามองว่ากรณีที่ ป.ป.ช. มีคำสั่งว่ามีมูลหรือฟ้อง แต่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ตั้งกรรมการร่วมกันก็บอกว่าไม่ฟ้อง แต่ท้ายที่สุด ป.ป.ช. ก็ไปฟ้องเอง ซึ่งหากเป็นแบบนี้เราก็มองว่า ป.ป.ช. ทำหน้าที่สอบสวนฟ้องร้องได้เองหมด ทำให้ขัดต่อหลักการคานอำนาจ ส่วนอีกกรณีบางเรื่องเกิดขึ้นมานานแล้ว ควรมีกำหนดระยะเวลาในการรับเรื่องเพื่อทำให้ชัดเจน พร้อมย้ำว่า ควรมีขอบเขตระยะเวลาในการไต่สวนว่าควรเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ และจะมีระยะเวลาแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ไม่ใช่สอบไปเรื่อย ๆ 10 - 20 ปี บางทีชี้มูลไปแล้วตอนเกษียณ เช่น อาจจะกำหนดไว้ 5 ปีก็ได้ พร้อมยืนยันว่า การแก้ พ.ร.ป. พรรคการเมืองไปด้วย และ ป.ป.ช. คาดว่าสัปดาห์หน้าจะยื่นได้พร้อม ๆ กัน #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ชูศักดิ์ศิรินิล #พรปพรรคการเมือง

[LIVE] ฟังสถานการณ์แม่น้ำโขง-น้ำท่วมใหญ่ลุ่มน้ำอิง และลุ่มน้ำสาขา กับ ‘ครูตี๋-นิวัฒน์ ร้อยแก้ว’ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

วันนี้ (20 กันยายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร น […] The post นายกฯ ให้กำลังใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่จิตอาสา ระดมสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม รัฐบาลพร้อมซัพพอร์ตให้ความทุกข์สั้นที่สุด appeared first on THE STANDARD.

“วันนอร์” แบ่งงาน รองประธานสภาทั้ง 2 แล้ว "พิเชษฐ์" ดูกระทู้-ญัตติ-​อาคารสถานที่-​ลาประชุม ขณะที่ "ภราดร" กลั่นกรอง พ.ร.บ. - พ.ร.ก. ประชาสัมพันธ์​และกฎหมาย The post “วันนอร์” แบ่งงาน รองประธานสภาทั้ง 2 แล้ว appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

ASEAN: เวียดนามคาดส่งออก 'ทุเรียนแช่แข็ง' ไปจีน แตะ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 ฮานอย - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2567 สื่อเวียดนามอ้างอิง เหงียน ถั่น ดัต อธิบดีกรมคุ้มครองพันธุ์พืช กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม ระบุว่าการส่งออกทุเรียนแช่แข็งของเวียดนามไปยังจีนคาดว่าจะสูงแตะ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.93 พันล้านบาท) ในปีนี้ แม้การส่งออกทุเรียนแช่แข็งจากเวียดนามไปยังจีนจะมีศักยภาพอย่างมาก ทว่าเวียดนามกำลังเผชิญความท้าทายหลายประการด้วยกัน อาทิ การรับรองข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหาร กระบวนการบรรจุภัณฑ์ และการตรวจสอบย้อนกลับ รายงานระบุว่ากลุ่มธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับปรุงเทคโนโลยีการแช่แข็ง คุณภาพผลิตภัณฑ์ ระบบการติดตาม รวมทั้งการควบคุมการผลิตทุเรียนแช่แข็งอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ลงนามในพิธีสารการส่งออกทุเรียนแช่แข็งจากเวียดนามไปยังจีน ทั้งนี้ เวียดนามส่งออกทุเรียนสดราว 500,000 ตันในปี 2023 สร้างรายได้ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.61 หมื่นล้านบาท) ซึ่งทุเรียนมากถึงร้อยละ 90 ส่งออกไปยังจีน ที่มา: สำนักข่าวซินหัว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เวียดนาม #ทุเรียน #ทุเรียนแช่แข็ง #จีน

[LIVE]: นายกฯ เป็นประธานในงาน “ประสานพลัง ประสานใจ” หารือคณะจิตอาสา - เอกชน พร้อมมอบสิ่งของอุปโภค บริโภค #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว #แพทองธารชินวัตร #ประสานพลังประสานใจ #จิตอาสา #น้ำท่วม

เลขาฯ สภา ยืนยัน "บิ๊กป้อม" ส่งใบลาทุกครั้ง บอกเหตุผลติดภารกิจ ชี้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้แค่ข้อมูลเบื้องต้น ย้ำ สส.ลาประชุมได้ไม่เกิน 1 ใน 4 หากขาดประชุมส่งผลต่อสมาชิกภาพ The post เลขาฯ สภา เผย “บิ๊กป้อม” ส่งใบลาทุกครั้ง อ้างติดภารกิจ appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

"วันนอร์" ประธานรัฐสภา แย้มอาจถกแก้ร่าง รธน. ได้ก่อนกลางเดือน ต.ค. The post “วันนอร์” แย้มอาจถกแก้ร่าง รธน. ได้ก่อนกลาง ต.ค. appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

PHOTO STORY: คึกคักแต่เช้ามืด ชาวไทยและต่างประเทศยืนต่อแถวแน่นลานเซ็นทรัลเวิลด์ รอซื้อไอโฟนรุ่นใหม่ วันนี้ (20 ก.ย. 67) หน้าร้าน Apple Store สาขา Central World เต็มไปด้วยประชาชนทีต่อคิวรอซื้อ iPhone 16, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันนี้เป็นวันแรก โดยเปิดจำหน่ายทั้งสาขา Central World และ Iconsiam และตัวแทนจำหน่าย Apple โดยแอปเปิ้ลจัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศแรกที่เปิดจำหน่าย (tier1) นอกจาก IPhone 16 รุ่นธรรมดามีราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท ส่วนรุ่น Pro มีราคาเรื่มต้นอยู่ที่ 39,900 บาท อีกทั้งยังมี Apple watch ultra 2 สี Black Titanium เปิดราคา 29,900 บาท ที่จัดจำหน่ายวันนี้เช่นกัน สำหรับผู้ที่ได้รับเครื่องเป็นคนแรก เป็นหญิงสาวชาวเมียนมาที่มาประเทศไทยตั้งแต่เมื่อวานนี้ช่วงเที่ยง และมาเข้าคิวเป็นคนแรก โดยจอง iPhone 16 Pro Max ไว้ ภาพ: ปุณยวีร์ ณรงค์ฤทธิ์ #TheReoorters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #TheReportersPHOTO #AppleStoreThailand #IPHONE16 #IPHONE16PRO #CentralWorld

นายกฯ ขอบคุณ “กู้ภัย-ปภ.” ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม กำชับนำผ้าอนามัยใส่ถุงยังชีพด้วย เพราะเป็นสิ่งจำเป็น ยืนยันรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ ขาดเหลืออะไรขอให้บอก The post นายกฯ ขอบคุณ “กู้ภัย-ปภ.” ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

JUSTICE: มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เร่งรัดตำรวจติดตามจับกุมจำเลย คดีตากใบ ก่อนหมดอายุความ 25 ตุลาคม 2567 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยื่นหนังสือถึงแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และถึงกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส. นราธิวาส พรรคประชาชาติ ประธานคณะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ผ่าน ชลธิชา แจ้งเร็ว ส.ส. ปทุมธานี พรรคประชาชน ถึงข้อห่วงกังวลในการติดตามจับกุมจำเลยและผู้ต้องในคดีตากใบก่อนหมดอายุความ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 โดยหวังว่าหนังสือร้องเรียนจะถูกบรรจุในวาระการประชุมกมธ.ยุติธรรมฯ โดยเร็วที่สุด และจะมีการดำเนินการจากนายกรัฐมนตรีอย่างเร่งด่วน มูลนิธิผสานฯ มีข้อห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าคดีตากใบจะหมดอายุความโดยจำเลยที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่มาศาลตามนัดทำให้คดีหมดอายุความ และนอกจากนี้มีข่าวด้วยว่าอาจมีจำเลยบางคนที่เดินทางออกไปนอกประเทศไทยแล้ว ในคดีหมายเลขดำที่ อ.578/2567 ศาลจังหวัดนราธิวาส โดยมีครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ตากใบเป็นโจทก์ 48 คน ฟ้องคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสลายการชุมนุมหน้าสภ. ตากใบ โดยเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ศาลได้ออกหมายจับจำเลยที่ 3-6 และ 8-9 เพื่อนำตัวมาศาลก่อนหมดอายุความ และส่งหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรฯ เพื่อขออนุญาตให้จับจำเลยที่ 1 และหมายเรียกให้จำเลยที่ 1 มาศาลในนัดหน้า วันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 น. อนึ่ง เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 อัยการสูงสุดได้แถลงข่าวมีคำสั่งฟ้องคดีตากใบ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐ 8 คน ตกเป็นผู้ต้องหา โดยมีผู้ต้องหาที่ 2-6 เป็นพลขับรถในวันเกิดเหตุ ในขณะที่ผู้ต้องหาที่ 1 พลเอกเฉลิมชัย วิรุฬเพชร ยังเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีของศาลจังหวัดนราธิวาสอีกด้วย อัยการสูงสุดระบุว่าได้แจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีตากใบอีก 7 คนมาฟ้องศาลให้ทันก่อนอายุความสิ้นสุดลงเช่นเดียวกัน มูลนิธิผสานฯ ขอให้นายกรัฐมนตรี และ กมธ.ยุติธรรมฯ ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ติดตามค้นหา สืบเสาะ ประกาศจับ รวมทั้งออกหมายค้นหากพบว่ามีการให้ที่พักพิงหรือหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดในประเทศไทย หรือมีการกำชับเรื่องการเดินทางออกนอกประเทศของบุคคลที่มีหมายจับคดีสำคัญนี้ และขอให้รับรองต่อสาธารณชนว่าคดีตากใบเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่จำต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน สร้างบรรทัดฐานและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในสายตาของประชาคมโลก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจร่วมติดตามการดำเนินการอย่างเร่งด่วนจาก กมธ.ยุติธรรมฯ และนายกรัฐมนตรี ในการติดตามจับกุมจำเลยและผู้ต้องหาคดีตากใบให้ได้ก่อนหมดอายุความ และร่วมติดตามนัดหน้าในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 นี้ ต่อไปอย่างใกล้ชิดว่าจำเลยในคดีดังกล่าวจะมารายงานตัวต่อศาลหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการค้นหาความจริงและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ ให้ผู้เสียหายและครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับความยุติธรรมและได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสม ทั้งนี้จะเหลือเวลา 35 วัน ก่อนคดีจะหมดอายุความ ร่วมติดตามไปกับ The Reporters #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #คดีตากใบ #นับถอยหลัง #20ปีคดีตากใบ

วานนี้ (19 กันยายน) ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ […] The post ซาบีดาลุยตรวจสถานการณ์น้ำท่วมพะเยา สั่งจัดน้ำประปาให้ดื่มฟรี มอบเงินเยียวยานิสิต กำชับเฝ้าระวังพายุลูกใหม่ appeared first on THE STANDARD.

UPDATE: มูลนิธิกระจกเงา ต้องการอาสาสมัคร วันละ 300 คน ฟื้นฟูน้ำท่วมเชียงราย ร่วมเป็นอาสาสมัครล้างบ้าน-รถพุ่มพวง-รถแฟชั่น เตรียมผุดโครงการเครื่องไฟฟ้าเก่าแลกใหม่ คาดต้องฟื้นฟูไม่ต่ำกว่า 1 เดือน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 The Reporters ร่วมติดตามอาสาสมัครล้างบ้าน มูลนิธิกระจกเงา ลงพื้นที่ ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมหนัก ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 พบว่าหลายพื้นที่ยังคงมีสภาพความเสียหายจากน้ำท่วม ทำให้การเข้าถึงการช่วยเหลือต้องกระจายให้ถึงพื้นที่ ทันทีที่ รถแฟชั่นสัญจร ของมูลนิธิกระจกเงามาจอดที่หมู่บ้านแม่งิม ต.ริมกก ผู้ประสบภัยต่างมาเลือกเสื้อผ้าใหม่ กางเกง ชุดชั้นใน และรองเท้า ที่ไม่ใช่เสื้อผ้ามือสอง เหมาะกับสภาพพื้นที่ที่ไม่มีน้ำเพียงพอจะอาบน้ำหรือซักเสื้อผ้า "น้ำไม่ไหล มาตั้งแต่น้ำท่วม และดูท่าแล้วจะอีกหลายวัน ทั้งต้องล้างบ้าน ล้างของ ไม่มีน้ำจะซักเสื้อผ้า มีมือสองที่เขาแจกมา แต่ก็ยังไม่ได้ซักได้ ได้เสื้อผ้าใหม่มาก็ดี ช่วยได้เยอะ ขอบคุณมาก" ผู้ประสบภัย บอกถึงความจำเป็นของการมีสิ่งของบริจาคมาถึงที่ และได้เลือกเสื้อผ้าด้วยตนเอง วีราภรณ์ ประสบรัตนะสุข หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า รถแฟชั่นสัญจร ของมูลนิธิกระจกเงา ตั้งใจจะนำของบริจาคมาให้ถึงชุมชน เพราะเชื่อว่าทุกคนกำลังตั้งใจกับการล้างบ้าน คงไม่มีเวลาไปหาเสื้อผ้าใหม่ อาสาสมัครจะจัดเสื้อผ้ามาให้เลือก รวมถึงชุดชั้นใน และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ รวมถึงหน้ากากอนามัยก็มีให้ เพราะช่วงนี้ฝุ่นเยอะ เมื่อพวกเขาได้เลือกเสื้อผ้าที่พอดีตัวก็จะได้สิ่งที่เป็นประโยชน์จริงๆ อาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงา จะจัดสิ่งของใส่รถแฟชั่นสัญจร ซึ่งดัดแปลงมาจากรถสองแถว บรรทุกเสื้อผ้าไปมอบให้ผู้ประสบภัยถึงที่ เพราะเชื่อว่าในสถานการณ์แบบนี้การหาเสื้อผ้าใหม่คงยากลำบาก เช่นเดียวกับรถพุ่มพวง ที่นำของกินไปให้ผู้ประสบภัยได้เลือกสิ่งที่จำเป็น มูลนิธิกระจกเงา เป็นหนึ่งในภาคประชาสังคมที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัดเชียงราย สิ่งของบริจาคหลายรถบรรทุกจากกรุงเทพมาถึงที่หอประชุมกาสะลอง มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ซึ่งเปิดเป็นศูนย์อาสาสมัครล้างบ้าน ยังต้องการอาสาสมัครวันละ 300 คน ทั้งจัดสิ่งของและออกไปกับรถพุ่มพวง รถแฟชั่นสัญจร หรือเป็นมนุษย์สู้โคลนไปล้างบ้าน เอกลักษณ์​ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์คนหาย มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งมาร่วมจัดการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน จ.เชียงราย เปิดเผยว่า สิ่งของบริจาคจากกรุงเทพจะส่งมาที่ศูนย์ฯเชียงราย ก่อนจะคัดแยก ไปมอบให้ผู้ประสบภัยในรูปแบบต่างๆ เช่นรถพุ่มพวง ก็จะเป็นอาหาร และเครื่องใช้ในบ้านต่างๆ ส่วนรถแฟชั่น จะเป้นเสื้อผ้า เป็นต้น และตอนนี้กำลังต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น หม้อหุงข้าว เพราะเชื่อว่าหลังล้างบ้านเสร็จ จะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ณัฐพล สิงห์เถื่อน หัวหน้าศูนย์อาสาล้างบ้านมูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า ทางศูนย์ฯ จะมีโครงการเก่าแลกใหม่ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นด้วย สำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นอาสาสมัครล้างบ้าน ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา สามารถสมัครได้ที่เพจมูลนิธกระจกเงา ซึ่งยังต้องการต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าการฟื้นฟูเมืองเชียงรายน่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ร่วมเป็นอาสาสมัครล้างบ้าน เข้าไปที่ : มูลนิธิกระจกเงา https://www.facebook.com/mirrorf?mibextid=LQQJ4d #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #มูลนิธิกระจกเงา #น้ำท่วมเชียงราย

NEWSCLIP: กรมอุตินิยมวิทยา รายงานเวลา 02.00 น.จุดศูนย์กลางพายุซูลิก ถึงแขวงคำม่วน สปป.ลาวแล้ว ภารอีสานเตรียมรับมือฝนตก ในรูปแบบดีเปรสชั่น เวลา 02.00 น.วันที่ 20 ก.ย.67 ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสถานการณ์ล่าสุด ของ "พายุซูลิก ผ่านรายการสุานวิทยุกรมอุตุนิยมวิทยา โดยระบุว่า จุดศูนย์กลาง พายุซูลิก เคลื่อนตัว ถึงแขวงคำม่วน สปป.ลาว ตั้งแต่ ช่วงเวลา 22:00 น.วันที่ 19 ก.ย.67 โดยศูนย์กลางของพายุ อยู่ห่าง จ.นครพนม ประมาณ 130 กิโลเมตร ในรูปแบบง "พายุโซนร้อน" ฝ แต่เมื่อเข้าสู่ประเทศไทย จะอ่อนกำลังลง เป็น "ดีเปรสชัน" ส่งผลให้สีฝนตกหนัก ที่ จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร และพัดผ่านแนวภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะทำให้มีฝนหนัก จ.บึงกาฬ, นครพนม, มุกดาหาร, สกลนคร, กาฬสินธุ์ และ บางส่วนของ จ.ร้อยเอ็ด, สุรินทร์, บุรีรัมย์, มหาสารคาม และ ขอนแก่น และผลจากพายุจะเข้าส่งผลให้มีฝนตกไปถึง จ.หนองคาย, อุดรธานี, ศรีสะเกษ รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในวันนี้ 20 ก.ย.67 คาดว่า พายุจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ใน จ.นครพนม และ มุกดาหาร และจะเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกเรื่อย ในรูปของ "ดีเปรสชัน" จนถึงตอนกลางของประเทศไทยไทย จะอ่อนกำลังลงอีก คาดว่าจะเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุม จึงขอแจ้งเตือนประชาชนในพื้นทีาดังกล่าว เตรียมรับมือฝนตกด้วย ขอบคุณภาพเพจ : กรมอุตุนิยมวิทยา #TheReporters #เดอะรีพอร์เตอร์ #กรมอุตุนิยมวิทยา #พายุซูลิก

UPDATE: สำรวจชุมชนเกาะลอย ริมกก ผ่านมา 5 วัน หลังน้ำลด พบขยะท่วม ขนย้ายไม่ทัน เริ่มส่งกลิ่นเหม็น เร่งทำงานกลางคืน นักวิชาการจี้ ซูเปอร์บอร์ด “คอส.-ศปช” สั่งการแก้ปัญหาด่วน มองเกินศักยภาพท้องถิ่นแล้ว ผู้ประสบภัยต้องควักเงินจ่ายค่าขนขยะ เที่ยวละไม่ต่ำกว่า1,500 บาท เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจชุมชนเกาะลอย อ.เมือง จ.เชียงราย ภายหลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยชุมชนบริเวณนี้อยู่ติดกับแม่น้ำกกซึ่งนอกจากชุมชนเกาะลอยแล้วยังมีชุมชนเทอดพระเกียรติ ชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือนต่างได้รับความเสียงหายจากการที่น้ำในแม่น้ำกกล้นทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว แม้ผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์ แต่สภาพความเสียหายยังคงดำรงอยู่โดยเฉพาะปริมาณขยะจากบ้านเรือนที่ถูกนำมากองไว้ตามหน้าบ้าน และในสวนสาธารณะซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำกก พบว่ามีปริมาณขยะจำนวนมากจนเต็มลานออกกำลังกาย และกำลังส่งกลิ่นเหม็นเนื่องจากเทศบาลนครเชียงราย ไม่สามารถทำงานได้ทัน เช่นเดียวกับโคลนที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเช่นกัน ขณะที่ชาวบ้านยังคงเร่งทำความสะอาดบ้านซึ่งมีโคลนที่มากับน้ำตกค้างอยู่จำนวนมาก นางไพวัลย์ เดชผล สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงราย และชาวบ้านเกาะลอย กล่าวว่า ไม่มีใครคาดถึงว่าน้ำกกจะทะลักท่วมสูงชุมชนได้ขนาดนี้ เพราะเป็นน้ำป่าที่ไหลแรงและเร็วมาก แม้ทางเทศบาลได้ใช้รถประกาศเตือนล่วงหน้า แต่ก็ไม่มีใครคาดถึง แม้เมื่อ 30 ปีก่อนเคยมีน้ำท่วมใหญ่แต่ก็ไม่ใช่แบบนี้โดยครั้งนั้นเป็นน้ำใส ๆ ท่วมแค่หน้าแข้ง “ปัญหาหนักตอนนี้คือเร่องขยะ ที่ต้องรีบเร่งเก็บออกไป และปัญหาเรื่องโคลนที่ยังไม่สามารถล้างออกได้หมด แม้ที่ผ่านมาทางเทศบาลได้ใช้ระดมรถขยะถึง 80 คัน แต่ก็ยังทำงานไม่ทัน เพราะมีชุมชนที่ได้รับความเสียหายถึง 34 ชุมชน กว่า 1 หมื่นครอบครัว ตอนนี้เราไม่อยากได้ถุงยังชีพแล้ว แต่อยากได้รถมาช่วยเก็บขยะ และฉีนน้ำล้างโคลน” นางไพวัลย์ กล่าว นายมู นอรัตน์ ประธานชุมชนเกาะลอย กล่าวว่า ชุมชนเกาะลอยมีบ้านเรือน 400 หลัง ทั้งหมดได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมหมดเลย สถานการณ์ตอนนี้คือต้องเร่งขนขยะออกไปให้เร็วที่สุด นายสืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและอาสาสมัครช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ได้หารือกับนางไพวัลย์ว่า ในวันที่ 20 กันยายน อาสาสมัครฯจะร่วมกับเทศบาลขนย้ายขยะในเวลา 19.00 - 24.00 น.เพื่อต้องการเร่งขนย้ายขยะออกให้เร็วที่สุด เนื่องจากในตอนกลางวันการจราจรในบริเวณนี้ค่อนข้างคับคั่งทั้งจากผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือและชาวบ้านที่ต้องเร่งทำความสะอาด ดังนั้นการทำงานในช่วงเลิกงานจึงน่าจะทำได้สะดวกกว่า ซึ่งทางเทศบาลจะส่งรถแบคโฮ 1 คันและรถขนขยะ 3 คันมาร่วมขนย้าย “จริง ๆ แล้วถ้ามีการระดมทรัพยากรจากจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมปฎิบัติการโดยมีการวางแผนที่ดีก็จะสามารถทำงานได้เร็วกว่านี้ เพียงแต่ต้องอาศัยคนที่มีศักยภาพในการสั่งการ เพราะไม่แน่ใจว่าลำพังอำนาจผู้ว่าฯจะทำได้หรือไม่ แต่หากคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) และ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ที่ตั้งขึ้นใหม่ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีและนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เป็นผู้สั่งการก็สามารถทำได้เลย” นายสืบสกุล กล่าว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #น้ำท่วมเชียงราย

WORLD: ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุ 'อุปกรณ์สื่อสาร' ระเบิดในเลบานอน เพิ่มแตะ 37 รายแล้ว วันนี้ (19 ก.ย. 67) ไฟราส อาเบียด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเลบานอน เปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่มุ่งเป้าไปยังเครื่องสื่อสารข้อความเพจเจอร์ (pager) และวิทยุสื่อสารแบบพกพาทั่วเลบานอน เมื่อวันอังคารและวันพุธ (17-18 ก.ย.) เพิ่มขึ้นเป็น 37 รายแล้ว อาเบียดแถลงข่าวว่าเหตุเพจเจอร์ระเบิดเมื่อวันอังคาร (17 ก.ย.) คร่าชีวิตผู้คน 12 ราย และบาดเจ็บ 2,323 ราย โดยมีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวันอังคารที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล รวม 226 ราย ขณะเดียวกัน ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุวิทยุสื่อสารไร้สายแบบพกพาระเบิดทั่วประเทศเมื่อวันพุธ เพิ่มขึ้นเป็น 25 ราย และบาดเจ็บมากถึง 608 ราย ที่มา: สำนักข่าวซินหัว แฟ้มภาพซินหัว : อุปกรณ์สื่อสารไร้สายในมือของสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ถูกถอดแบตเตอรี่ออกแล้ว ในกรุงเบรุตของเลบานอน วันที่ 18 ก.ย. 2024 #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เลบานอน #อุปกรณ์สื่อสาร #เพจเจอร์ #วิทยุสื่อสาร

PARLIAMENT: ‘เฉลิมชัย’ กำชับ กรมอุทยานฯ-สหกรณ์ เร่งออกเอกสารสิทธิ์-จัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชน ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2569 วันนี้ (19 ก.ย. 67) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตอบกระทู้ถามถึงปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เรื่องที่ถูกถามว่ารัฐบาลจะออกพระราชกฤษฎีกาให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่และทำกิน ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พ.ศ.2562 ตามมาตรา 64 เมื่อใด ดร.เฉลิมชัย กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำรวจการถือครองพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว มาตรา 64 ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่ทั้งหมด 224 ป่าอนุรักษ์ 4,042 หมู่บ้าน 314,784 ราย พื้นที่ทั้งหมด 466,307 แปลง เป็นพื้นที่ทั้งหมด 4.27 ล้านไร่ โดยจะนำพื้นที่ต่าง ๆ มาบริหารจัดการและทำแผนที่ท้ายร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และจัดส่งให้กรมการปกครองตรวจรับรองต่อไป ซึ่งในส่วนที่ดำเนินการไปตามกระทู้ถาม ได้แก่ 1. คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการในจำนวนพื้นที่ที่กล่าวมา 14 ป่าอนุรักษ์ 2. อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ 50 ป่าอนุรักษ์ 3. อยู่ระหว่างดำเนินการปรับแก้ตามที่กรมการปกครองแนะนำ 160 ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ ตามกฎหมายทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งมอบหมายให้กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เร่งจัดทำข้อมูลและทำความเข้าใจกับประชาชนผ่านกิจกรรมการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน โดยจัดทำแนวเขตที่อยู่อาศัยและทำกินของราษฎรทุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ระยะทางรวม 75,000 กิโลเมตร เพื่อให้ประชาชนรับทราบ และสร้างการรับรู้ความเข้าใจแนวเขตเพื่อการอยู่อาศัยทำกินร่วมกันและป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกแนวเขต ซึ่งโครงการต่าง ๆ ดำเนินการปี 2564-2567 จำนวนทั้งสิ้น 41,168 กิโลเมตร เนื้อที่ประมาณ 2.5 ล้านไร่ และมีเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 การจัดทำแปลงที่ดินราษฎรในป่าเขตอนุรักษ์ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในการดำเนินชีวิตและเป็นการให้สิทธิแก่ราษฎรที่อยู่อาศัยได้ทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้มีการสืบทอดไปถึงลูกหลานทำให้เกิดความชัดเจนในการครอบครองที่ดินของบุคคลที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันและเป็นการรองรับนโยบายของรัฐในการที่จะสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนในอนาคต โดยจัดทำหนังสือแสดงที่อยู่อาศัยและทำกินในเขตอนุรักษ์และทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 จำนวนทั้งหมด 42 ป่าอนุรักษ์ 331 หมู่บ้าน ในส่วนของคำถามเรื่องเอกสารสิทธิ์ ด้วยมติของคณะรัฐมนตรี 13 สิงหาคม 2567 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ จึงไม่สามารถที่จะออกเอกสารสิทธิ์ให้กับประชาชนที่อยู่ในสหกรณ์ที่เข้าไปดำเนินการตรงนี้ได้ แต่กระทรวงฯ จะดำเนินการในส่วนที่จะให้ประชาชนได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายที่พึงจะได้รับ เพื่อให้ได้รับสิทธิชดเชยสวัสดิการต่าง ๆ สิ่งที่สามารถดำเนินการได้เร็วที่สุดคือให้สหกรณ์ดำเนินการให้ถูกต้อง มีการเช่าพื้นที่ ใช้พื้นที่ให้ถูกต้อง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) มีมติให้นำที่ดินต่าง ๆ มาจัดสรรที่ทำกินให้กับชุมชน จะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ดร.เฉลิมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดทำร่างกระบวนการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ 13 นิคม 14 ป่าและสหกรณ์แม่ริมเชียงใหม่ เพื่อนำเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการการกลั่นกรองหลักเกณฑ์ระเบียบกฎหมายในการจัดที่ดินเพื่อเสนอคณะอนุกรรมการ หากราษฎรรายใดได้รับสิทธิ์ตามโครงการ คตช.ดังกล่าวต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข “วันนี้ปัญหาของประชาชนในพื้นที่ทำกิน ไม่ว่าจะเป็นทับซ้อน หรือบุกรุก เป็นปัญหาที่ภาครัฐจำเป็นต้องแก้ไขและจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคงต้องได้รับความร่วมมือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่เขตนั้น” ดร.เฉลิมชัย กล่าว ดร.เฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า ทุกภาคส่วนต้องทำร่วมกัน ต้องถือว่าเป็นงานของทุกคนในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ไม่มีที่ดินอยู่อาศัยและทำกิน แต่ต้องไม่ใช่กรณีที่เป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน พื้นที่อุทยานแห่งชาติโดยเด็ดขาด ถ้าเป็นกรณีดังกล่าวจำเป็นต้องใช้กฎหมายบังคับโดยเด็ดขาดเช่นกัน แต่ถ้าเป็นกรณีของที่ดินที่ทำกินของประชาชน เชื่อว่ามีทางออกที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน ให้คำมั่นได้ว่าจะเร่งรัดการทำงานที่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้เสร็จโดยเร็วที่สุด #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เฉลิมชัยศรีอ่อน #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #จัดสรรที่ดิน #พื้นที่ป่าอนุรักษ์ #ป่าเขตอนุรักษ์

วันนี้ (19 กันยายน) นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธร […] The post ประธานศาล รธน. ปัดให้ความเห็นปมเสนอแก้ไขปมจริยธรรม ทบทวนอำนาจยุบพรรค appeared first on THE STANDARD.

UPDATE: ‘เฉลิมชัย’ เชิดชูวีรชนป่าไม้ มอบ 1 แสนช่วยเหลือภรรยา จนท.พิทักษ์ป่า พร้อมให้กำลังใจ ยืนเคียงข้างทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ปล่อยให้ต้องต่อสู้คนเดียว เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ในโอกาสงานสถาปนาครบรอบ 128 ปี กรมป่าไม้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานมอบเงิน จำนวน 100,000 บาท จากกองทุนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กับนาง วัลลภา ริตพวง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวนายพลวัฒน์ ชนะบุญ นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ไล่จับกุมขบวนการค้าไม้ ในท้องที่บ้านทุ่งนางาม ต.บ่อแก้ว อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างยาวนานเพื่อเป็นเกียรติและให้กำลังใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้ ดร.เฉลิมชัย ได้ส่งพวงหรีดเพื่อแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของนายพลวัฒน์ และหารือกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาแนวทางยกระดับสวัสดิการดูแล เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง และบุคลากรในสังกัดต่างๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัย ให้มีหลักประกันมากขึ้น ในโอกาสเดียวกันนี้ ดร.เฉลิมชัย ได้เป็นประธานในพิธีเปิดแพรคลุมป้ายวีรชนป่าไม้ พร้อมวางพวงมาลาสดุดี รำลึกถึงผู้เสียสละชีวิตและทำคุณประโยชน์ด้านทรัพยากรป่าไม้ ณ ลานอนุสาวรีย์วีรชนป่าไม้ ด้านหน้ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชด้วย ดร.เฉลิมชัย ได้กล่าวกับผู้มาร่วมงาน 128 ปี กรมป่าไม้ ว่า ตนเองรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง ที่ได้เป็นประธานและร่วมงานครบรอบ 128 ปี กรมป่าไม้ ซึ่งการทำงานของข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ของกรมป่าไม้ เป็นการทำงานที่ต้องมีความเสียสละเป็นพื้นฐาน โดยการมีอยู่ของกรมป่าไม้ ถึง 128 ปี จึงเป็นเครื่องพิสูจน์การปฏิบัติงานของเพื่อนพี่น้องข้าราชการทุกรุ่น ร่วมถึงผู้บริหารแต่ละยุค ที่สืบต่อกันมาได้เป็นอย่างดี “ผมได้มีโอกาสมาทำงานตรงนี้ จะมาเติมเต็มและเป็นกำลังใจให้ทุกคน ขอทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรฯ ทุกกรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรมที่มีอัตราความเสี่ยงสูง สิ่งหนึ่งที่ฝ่ายบริหารต้องใส่ใจ และแสดงให้ประจักษ์ ก็คือการให้กำลังใจ และพร้อมจะยืนเคียงข้างในสิ่งที่ถูกต้อง ผมไม่ปล่อยให้ท่านต้องต่อสู้คนเดียว ไม่ปล่อยให้ท่านต้องเผชิญปัญหาต่าง ๆ โดยลำพังอย่างแน่นอน” ดร.เฉลิมชัย กล่าว นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตนทำหน้าที่หัวหน้าพรรค มีนโยบายสำคัญที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น โครงการคาร์บอนเครดิต การดูแนวทางเพิ่มพื้นที่ป่า อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และแก้ปัญหา PM 2.5 สิ่งนี้พรรคได้ทำมาโดยตลอดแบบไม่เน้นการเมือง แต่เน้นคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก จึงถือว่าตนโชคดีที่ได้เข้ามาอยู่กระทรวงนี้ และได้ทำงานร่วมกับทุกคน โดยที่มีพื้นฐานมาเล็กน้อยก่อนแล้ว ซึ่งตนจะได้นำพื้นฐานส่วนนั้นมาเพิ่มการเรียนรู้ และทำงานร่วมกับทุกท่านให้ดีขึ้น “สิ่งแวดล้อม คือ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ทุกอย่างในโลกล้วนเป็นสิ่งแวดล้อม ดังนั้นผมอยากให้ทุกท่านมาร่วมมือกัน มาช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น PM 2.5 ทำลายทั้งสุขภาพ ทั้งชีวิต ทั้งเศรษฐกิจ สิ่งนี้สำคัญกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ ทั้งหมด ในวันข้างหน้า ถ้าเราจัดการได้ ธุรกิจอื่นก็ขับเคลื่อนเดินไปได้ ผมถือว่านี่คือหัวใจ และวันนี้ทั้งโลกมอบหัวใจมาให้กระทรวงทรัพยากรฯ เราต้องพากันเดินต่อไปในอนาคตให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศเดินต่อไป ถ้าทำได้ มันจะเป็นความภาคภูมิใจ เป็นเกียรติยศ ของพี่น้อง ของเพื่อนข้าราชการ ของลูกจ้างทุกคน ที่อยู่กระทรวงทรัพยากรฯ ตลอดไป” ดร.เฉลิมชัย กล่าว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เฉลิมชัยศรีอ่อน #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #เจ้าหน้าที่ป่าไม้

ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ขอตอบปมฝ่ายการเมืองยื่นแก้ข้อกำหนดจริยธรรมรัฐมนตรี ยันปมยุบพรรค ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ ชี้มีการทบทวนบทบาทอยู่เป็นระยะ The post ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญ ยันปมยุบพรรค ปฏิบัติตาม รธน.บัญญัติ appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

FLOOD: ‘ซาบีดา’ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่หน้ามหาวิทยาลัยพะเยา กำชับดูแลสาธารณูปโภคให้ใช้การได้ สั่งเฝ้าระวังและมีระบบแจ้งเตือนภัยพายุลูกใหม่ที่จะเข้ามาในพื้นที่ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ติดตาม และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบริเวณพื้นที่หอพักและบ้านเรือนชาวบ้าน บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา พร้อมเข้ารับฟังการรายงานสถานการณ์จาก นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น.ส.ซาบีดา มอบนโยบายให้กับพื้นที่เพื่อดูแลผู้ประสบภัยให้ดีที่สุด โดยให้นำเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ รถบรรทุกน้ำ พร้อมกำลังพลของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนภารกิจในการฟื้นฟูทำความสะอาดที่พักอาศัยให้กลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมทั้้งจัดตั้งศูนย์ประสานงาน อำนวยการในการรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ประชาชนในการให้ความช่วยเหลือและการขอรับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง เน้นเรื่องการดูแลสาธารณูปโภคโดยเฉพาะน้ำประปา และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเสริมกำลังเข้าช่วยเหลือ นางสาวซาบีดา กล่าวว่า ในเรื่องของน้ำประปาตอนนี้ได้ช่วยเหลือเบื้องต้นให้มีน้ำประปาดื่มได้ฟรี มอบเงินจากมูนิธิไทยเศรษฐ์ เข้าช่วยเหลือนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบผ่านอธิการบดีมหาวิลัยมหาวิทยาลัยพะเยา เน้นย้ำให้มีการเฝ้าระวังและเตือนภัยในเรื่องของพายุลูกใหม่ที่จะเข้ามา ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบ ดังนั้นควรมีระบบการเตือนภัยที่รวดเร็ว ให้มีการระมัดระวังอย่างใกล้ชิดจนถึงสิ้นเดือนนี้ สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา เบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ 5 หมู่บ้าน รถยนต์เสียหาย 100 คัน รถจักรยานยนต์เสียหาย 200 คัน นักศึกษากว่า 500 คนได้รับผลกระทบ มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ซาบีดาไทยเศรษฐ์ #น้ำท่วม #พะเยา #กระทรวงมหาดไทย

POLITICS: ที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญเอเชีย จัดทำร่างปฏิญญากรุงเทพ เสริมสร้างความยุติธรรมทางรัฐธรรมนูญเพื่อสังคมที่ยั่งยืน วันนี้ (19 ก.ย. 67) นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นประธานในพิธีปิดการประชุมใหญ่สมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) ครั้งที่ 6 ภายใต้หัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าในการเสริมสร้างความยุติธรรมทางรัฐธรรมนูญเพื่อสังคมที่ยั่งยืน” โดยมีประธานศาลรัฐธรรมนูญต่างประเทศและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย จำนวน 14 ประเทศ และกลุ่มภูมิภาคศาลรัฐธรรมนูญ 4 ภูมิภาคเข้าร่วมประชุม ระหว่างวันที่ 17-21 ก.ย.67 ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก กรุงเทพมหานคร โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันจัดทำปฏิญญากรุงเทพมหานคร (Bangkok Declaration) สาระสำคัญคือ การยึดหลักความเป็นกฏหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ หลักการแบ่งแยกอำนาจการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน และความจำเป็นของหลักความเป็นอิสระของตุลาการ ซึ่งเป็นพื้นฐานของความยุติธรรม สันติภาพ และเสถียรภาพในสังคมโลก ทั้งยังคำนึงถึงบทบาทในการส่งเสริมสนับสนุนสังคมให้มีความยั่งยืนด้วยการยึดหลักนิติธรรม การคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานในการจัดการปัญหาระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การบริหารจัดการทรัพยากร และความยุติธรรมทางสังคม ในที่ประชุมยังมีการปรับเปลี่ยนกรอบการทำงานตามรัฐธรรมนูญ เพื่อความท้าทายใหม่ ๆ โดยเน้นย้ำถึงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและประกันการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายถึงแนวทางการส่งเสริมความยุติธรรม สันติสุข และสิทธิมนุษยชน การร่วมกันไม่สนับสนุนต่อการกระทำที่เป็นภัยแก่ชีวิต ความมั่นคง เสรีภาพเพื่อนำไปสู่สังคมที่สันติและยั่งยืนยืน พร้อมทั้งแสดงความห่วงใยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ปาเลสไตน์ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า สมาชิกสมาคมฯ จะร่วมกันไม่สนับสนุนต่อการกระทำที่เป็นภัยแก่ชีวิตความมั่นคงเสรีภาพของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งรวมถึงชาวปาเลสไตน์ด้วย อย่างไรก็ตามไทยในฐานะประธานสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) จะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี และ หมดวาระในปี 2568 ซึ่งในที่ประชุมได้ตกลงกันว่าประเทศอุซเบกิสถาน จะรับตำแหน่งประธานสมาคมฯ ต่อจากประเทศไทย จากนั้นจะเป็นประเทศฟิลิปปินส์ ด้านนายนภดล เทพพิทักษ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของศาลรัฐธรรมนูญในแต่ละประเทศ โดยยืนยันว่าการประชุมครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย หากศาลรัฐธรรมนูญไทยไม่เป็นที่ยอมรับ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้คงไม่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มสมาชิก ประเทศที่อยู่นอกเหนือภูมิภาค และคณะกรรมาธิการเวนิส ไม่เหมือนกับสมัยที่ประเทศไทยมีการยึดอำนาจ แม้แต่การเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการบางส่วน ต่างประเทศก็ไม่ต้อนรับ เพราะบัดนี้เรากลับเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้งแล้ว รายงาน: ณัฐพร สร้อยจำปา ภาพ: ธนทิพย์ เล้าสุทธิพงศ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ศาลรัฐธรรมนูญ

POLITICS: ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ปัดตอบปมเสนอแก้รัฐธรรมนูญวางกรอบจริยธรรมรัฐมนตรี-ทบทวนอำนาจยุบพรรค บอกเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง หากแก้มาก็พร้อมปฏิบัติตาม วันนี้ (19 ก.ย. 67) นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการประชุมสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) ครั้งที่ 6 ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเต็ล แบงค็อก กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวถึงโมเดลของศาลรัฐธรรมนูญสเปนที่สามารถรับฟ้องจากประชาชนได้โดยตรงว่า เรื่องดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญไทยรับเรื่องไว้แล้ว แต่ยังมีช่องทางที่จำกัดมาก สามารถร้องตรงได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ซึ่งมีการกำหนดเงื่อนไขไว้มากมาย จึงต้องเรียนรู้จาก ประเทศสเปนและกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา เชื่อว่า หลังจากนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการหารือและแลกเปลี่ยนทางวิชาการกันต่อไป ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองเตรียมเสนอแก้รัฐธรรมนูญ กำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของรัฐมนตรี ในฐานะประธานศาลรัฐธรรมนูญคงให้ความเห็นเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะความคิดเรื่องนี้มาจากฝ่ายการเมืองและรัฐสภา ขอให้เขาดำเนินการด้วยความถูกต้องเรียบร้อย ทั้งนี้กรณีที่พรรคประชาชนจะมีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ทบทวนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญนั้น เรามีการทบทวนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้วเป็นระยะ ๆ มีการประชุมวิชาการภายในและการประชุมระหว่างประเทศ รวมถึงได้มีการอธิบายการทำงานให้กับ AACC และคณะกรรมาธิการเวนิส (Venice Commission) หรือคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปเพื่อประชาธิปไตยโดยกฎหมายได้รับทราบ เนื่องจากประเด็นศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ในประเทศไทยเท่านั้น แต่มีศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรเทียบเท่าอีกประมาณ 150 ประเทศทั่วโลก หากมีการแก้ไขอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองจริง เราจะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถทำหน้าที่ในสิ่งที่กฎหมายไม่ได้เขียนไว้ได้ ทั้งรัฐธรรมนูญ และกฎหมายชั้นรอง เช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) นายนครินทร์ ยืนยันว่าในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงการพิจารณาคดีการเมืองของแต่ละประเทศและการพิจารณาคดีที่ละเอียดอ่อน เพราะทุกประเทศให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราพูดคุยกันเป็นการทั่วไปเท่านั้น เราคุยเรื่องประเทศของเรา เขาก็คุยเรื่องประเทศของเขา เป็นการแชร์ประสบการณ์ร่วมกันมากกว่า รายงาน: ณัฐพร สร้อยจำปา ภาพ: ธนทิพย์ เล้าสุทธิพงศ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ศาลรัฐธรรมนูญ

UPDATE: บอร์ด PISA เคาะแผนพัฒนา ‘ครูแม่ไก่’ 690 คน สร้างข้อสอบยกระดับสมรรถนะ วิทย์-คณิต-ภาษาไทย เด็กนักเรียนทุกสังกัดทั่วไทย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมคณะกรรมการ PISA แห่งชาติ ครั้งที่ 5/2567 โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายธงชัย ชิวปรีชา และนายศรัณย์ โปษยะจินดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วม เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 67 ที่ประชุมได้หารือและพิจารณาร่างแผนการจัดอบรมครู (ครูแม่ไก่) เพื่อสร้างให้เป็นนักสร้างข้อสอบตามแนว PISA ปีงบประมาณ 2568 วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย ในรูปแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออนไซต์ หลักสูตร 5 วัน ช่วงเดือนตุลาคม 2567 จำนวน 8 รุ่น รุ่นละ 40 คนต่อวิชา รวม 960 คน จะขยายการอบรมสู่ครูระดับมัธยมศึกษาทุกสังกัดต่อไป เพื่อให้ครูสามารถนำแนว PISA ไปปรับใช้ในการออกข้อสอบปลายภาคได้ทันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าในการติดตามการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับผลการประเมิน PISA ในสถานศึกษา และรายงานความคืบหน้าในการดาเนินการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับผลการประเมิน PISA ของแต่ละสังกัดการศึกษาด้วย พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า การทำงานครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเพิ่มผลคะแนนในการประเมิน PISA 2025 เท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาทุกสังกัดทั่วประเทศ ทั้งการอ่านออกเขียนได้ การคิดวิเคราะห์ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน การพัฒนาครูผู้สอน ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์การเรียนการสอนและสื่อที่ทันสมัย เชื่อว่าหากทุกหน่วยงานร่วมมือกันจะทำให้คุณภาพมาตรฐานการศึกษาพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เพิ่มพูนชิดชอบ #PISA #ครูแม่ไก่

UPDATE: ‘พิพัฒน์’ เรียกร้องนายจ้าง เห็นใจลูกจ้าง ขึ้นค่าแรง 400 บาท วอนเข้าร่วมประชุมไตรภาคี พรุ่งนี้ 13.30 น. แย้ม ‘คลัง’ เห็นด้วยมาตรการบรรเทาผลกระทบนายจ้าง วันนี้ (19 ก.ย. 67) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขึ้นค่าแรง 400 บาทว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย. 67) เวลา 13.30 น.ท่านปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มีการเชิญกรรมการไตรภาคีทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ตัวแทนฝ่ายลูกจ้าง และตัวแทนฝ่ายราชการ ฝ่ายละ 5 คน รวมทั้งสิ้น 15 คน มาประชุมที่กระทรวงแรงงาน ผมเองก็ขอความกรุณากรรมการทั้ง 3 ฝ่ายว่า อย่างไรก็แล้วแต่ ท่านจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็ขอให้ท่านได้เข้ามาประชุมในวัน เวลา ดังกล่าว ตามที่กระทรวงแรงงานได้มีหนังสือเชิญไป ซึ่งผลการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีเรื่องค่าแรงขั้นต่ำในวันพรุ่งนี้ที่กระทรวงแรงงาน จะเป็นอย่างไรจะได้ประกาศให้ทุกท่านได้ทราบ “อย่างไรก็ผมขอฝากกรรมการทั้ง 15 ท่าน ขอความกรุณาเถอะครับ ประเทศไทยเราต้องการขับเคลื่อนไปให้ได้ และผมก็ขอความกรุณาทุกท่านว่า ขอให้เห็นใจลูกจ้างบ้าง ส่วนนายจ้างตัวผมเอง เห็นใจเป็นอย่างสูงอยู่แล้ว แต่ขอให้เห็นใจลูกจ้างบ้างว่า ขณะนี้ลูกจ้างก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน เศรษฐกิจไม่ดีทุกคนก็กระทบหมด ท่านจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็ขอเชิญเข้าห้องมาประชุมกัน เพื่อท่านปลัดจะได้ชี้แจงว่าสิ่งที่เราจะขึ้นค่าแรงมีอะไรบ้าง เราจะมีการชี้แจงข้อมูลทางวิชาการเปรียบเทียบให้ท่านดู รวมทั้งการนำมาตรการบรรเทาผลกระทบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งแน่นอนว่าขณะนี้กระทรวงการคลังได้ตอบรับมาบ้างแล้วสำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบ โดยมาตรส่วนใหญ่เราจะล้อมาจากปี 2555 ที่เคยเป็นมาตรการจากการขึ้นค่าจ้าง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ และอาจจะมีมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาด้วย” นายพิพัฒน์ กล่าว #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #พิพัฒน์รัชกิจประการ #กระทรวงแรงงาน #คณะกรรมการไตรภาคี

วันนี้ (19 กันยายน) ที่โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี แพท […] The post นายกฯ ตรวจความพร้อมจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 appeared first on THE STANDARD.

LIVE: การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 25 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567 ขอบคุณสัญญาณภาพ: วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ประชุมรัฐสภา

วันนี้ (19 กันยายน) วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทน […] The post วันนอร์แบ่งงานรองประธานสภา ‘พิเชษฐ์’ ดูกระทู้ ญัตติ งบประมาณ สถานที่ ส่วน ‘ภราดร’ คุมงานกฎหมาย-งานพีอาร์ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (19 กันยายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 2 […] The post เฉลิมชัยประเดิมตอบกระทู้ในฐานะ รมว.ทส. เผย สะพานข้ามแม่น้ำป่าสักผ่าน EIA แล้ว appeared first on THE STANDARD.

POLITICS: ‘วิสุทธิ์’ ฝากประชาชนช่วยไล่ ‘ลุงป้อม’ กลับมาประชุมสภาฯ - ซัด โดดประชุมไปโผล่ที่อื่นไร้ความรับผิดชอบ รับภาษีประชาชนแต่ไม่มาประชุม น่ารังเกียจ แนะไม่มีเวลามาประชุมก็ออกไป วันนี้ (19 ก.ย. 67) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่มีการตรวจสอบการเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐว่า ตนเองก็ไม่เห็นในห้องประชุมเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงฝากไปถึงพ่อแม่พี่น้องประชาชน รับทราบไว้ด้วยว่า ถ้าวันพุธ หรือวันพฤหัสบดี สส.ผู้แทนฯ ไม่อยู่ในสภา หรือกลับบ้าน หรืออยู่ที่ใด แสดงว่า ละทิ้งหน้าที่สำคัญในการตรากฎหมาย ควบคุมการทำงานของรัฐบาล ดังนั้น หากกลับไปอยู่ในพื้นที่ หรือไปโผล่ที่อื่น ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ และไม่ควรจะอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ต้องพิจารณาตนเอง นายวิสุทธิ์ ยังฝากไปถึงประชาชนทั้งประเทศอีกว่า ถ้าเป็น สส.ไม่ว่าพรรคใด ในวันพุธ หรือวันพฤหัสบดี ยังเห็น สส.เตร็ดเตร่ในพื้นที่ ให้ช่วยไล่กลับมาด้วย ส่วนจะฝากถึงพลเอกประวิตรด้วยหรือไม่นั้น นายวิสุทธิ์ ระบุว่า จะต้องพิจารณาตัวเอง ไม่มีเวลามาประชุม ก็ออกไป เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งตนไม่ได้เอ่ยชื่อ และขอให้รู้ตัวเองไว้ด้วย ทั้งนี้ มีการขาดการลงมติ และขาดการประชุมทุกครั้งหรือไม่นั้น นายวิสุทธิ์ ระบุว่า สส.พรรคอื่นกับตน ตนไม่สามารถก้าวล่วงได้ เนื่องจาก เป็น สส.พรรคการเมืองอื่น แต่บอกได้เพียงว่า สส.ที่ไม่มาประชุมสภาฯ ในวันพุธ และวันพฤหัสบดี เป็นคนที่น่ารังเกียจ รับเงินภาษีประชาชน แต่ไม่มาประชุม ก็ไม่ควรเป็นผู้แทนฯ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #วิสุทธิ์ไชยณรุณ

[LIVE]: สำรวจการฟื้นฟูชุมชนเกาะลอย อ.เมือง จ.เชียงราย #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สดจริงยิงตรงจากสนามข่าว

UPDATE: ซีอีโอ TSB พรางตัวลงพื้นที่ดูการให้บริการด้วยตัวเอง เพื่อรับทราบปัญหาจริงจากหน้างาน พร้อมปรับปรุงทุกจุด เผย ยอดผู้โดยสารเพิ่มทะลุ 350,000 คนต่อวัน ตั้งเป้าเพิ่มรถให้บริการ ขยับสู่เป้าหมายผู้โดยสาร 500,000 คนต่อวัน ประกาศชัดนโยบายบริษัทรถเมล์ของคนไทยเติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG For Sustainable นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญว่าบริษัทของคนไทย รถเมล์ที่สร้างด้วยฝีมือคนไทย สามารถทำให้ระบบขนส่งมวลชนที่ถูกละเลยมาหลายสิบปีได้มีรถเมล์พลังงานไฟฟ้าให้ประชาชนใช้บริการกว่า 2,000 คัน มีระบบเทคโนโลยีทันสมัย มีโรงเรียนฝึกอบรมบุคลากร พัฒนาจุดชาร์จอู่สาขากว่า 24 แห่งทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนา ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดของบริษัท คือ เราเติบโตไปพร้อมกับสังคม สิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด ESG เข้ามาจับในทุกมิติ เช่น ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยรถ EV สร้างการจ้างงานให้ผู้คนมีอาชีพมากกว่า 5,000 คน ดูแลผู้โดยสาร ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ บริหารองค์กรด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ พร้อมการกำกับดูแลการบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ไปรอรถเมล์อยู่ข้าง ๆ ผู้โดยสารทุกคนตั้งแต่ช่วงเช้าถึงค่ำ เพื่อให้เข้าใจปัญหา ไปอยู่กับหน้างานจริง ซึ่งยอมรับว่ายังเห็นความไม่สะดวกในหลายจุด ในฐานะผู้บริหารขอน้อมรับฟังทุกคำติชม และจะนำไปปรับปรุง พัฒนาต่อไปเพื่อให้คนไทยมีรถเมล์คุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ สำหรับภาพรวมการพัฒนาของรถเมล์ TSB นอกจากการเป็นรถเมล์ไฟฟ้า บริษัทยังวางระบบ Fleet Management งานบริหารจัดการหลังบ้าน พัฒนาระบบตรวจสอบความปลอดภัย กล้อง CCTV ตรวจเช็คออนไลน์ได้เรียลไทม์ สอดส่องคุณภาพการให้บริการให้สอดคล้องกับความพึงพอใจของผู้โดยสาร เพื่อพัฒนาการปล่อยรถให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงนำเทคโนโลยีไปปรับปรุงข้อติดขัดต่าง ๆ กระทั่งการพัฒนาบุคลากร โครงการ ‘สมาร์ทกัปตัน’ คัดเลือกพนักงานที่อยู่ในสายรถเส้นทางต่าง ๆ ให้เข้ามาเป็นผู้ดูแลสายรถ เพื่อต่อยอดอาชีพ สร้างคุณค่า เพิ่มรายได้ให้กับพนักงานอีก 100 คน เชื่อว่าไม่มีใครจะรู้ปัญหาการให้บริการดีเท่าพนักงานที่อยู่ในสาย แม้จะไม่ได้ยกระดับโดยทันที แต่ในระยะยาวหากคนในอุตสาหกรรมได้ฝึกฝนพัฒนาทักษะ เมื่อคนรุ่นใหม่เห็นภาพที่ดีก็จะอยากเข้ามาทำมากขึ้น เชื่อว่าจะดีกับวงการรถเมล์ ได้มีพนักงานคุณภาพบริการประชาชนต่อไป นอกจากนี้ ยังพยายามลงรายละเอียดกับประสบการณ์ใช้งานของผู้โดยสารมากขึ้น เช่น พัฒนาระบบแอปพลิเคชัน TSB Go Plus+ ไว้เป็นคู่มือการเดินทางของผู้โดยสาร สามารถตรวจสอบประวัติการเดินทางย้อนหลังได้, ฟังก์ชันอัปเดตบัตรโดยสาร ผ่านระบบ NFC แตะอัปเดตยอดเงินผ่านมือถือได้ทันที, ระบบการร้องเรียน ติชม จากประวัติการใช้งาน ส่งข้อมูลของผู้โดยสารเข้าระบบ HR-Operation สามารถรับเรื่องแล้วแก้ไขได้ตรงจุด กระทั่งเว็บไซต์ของบริษัทได้พัฒนาใหม่ นายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ บริษัท ไทย สมายล์ บัส เปิดเผยว่า ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดผู้โดยสารใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 350,000 คน จากปัจจัยของรถที่มีให้บริการมากขึ้นในหลายเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางรถเมล์โดยสารที่เปลี่ยนมาใช้เส้นทางปฏิรูปกับผู้ประกอบการทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน บริษัทมีค่าเฉลี่ยรถที่ให้บริการอยู่ราว 1,600 คัน ซึ่งในช่วงไตรมาส 4 ปลายปีนี้ บริษัทมีแผนการปรับเพิ่มรถที่ให้บริการขึ้นไปอยู่ในระดับ 2,000 คันต่อวัน เพื่อเพิ่มสัดส่วนผู้โดยสารภายในปีนี้ให้อยู่ในระดับ 400,000-450,000 คนต่อวัน ครองส่วนแบ่งการตลาดราว 50% ของผู้ใช้รถเมล์ทั้งหมด นายวรวิทย์ กล่าวต่อว่า ช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 TSB มีแผนเพิ่มรถให้บริการเป็น 2,200 คัน ไม่รวมรถสำรองหมุนเวียนภายใน เพื่อขยับสู่เป้าหมายผู้โดยสาร 500,000 คนต่อวัน จากปัจจัยเส้นทางใหม่ที่ทางบริษัทยังไม่ได้เพิ่มรถเข้าไปอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น หากดูใบอนุญาตที่มีอยู่ 123 เส้นทาง ยังเห็นโอกาสการเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มเส้นทางปฏิรูปทั้งหมด ผู้ประกอบการทุกรายใช้มาตรฐานเดียวกัน เชื่อว่ามีผู้โดยสารตกหล่นอยู่ ทั้งคนที่เคยรอรถหลายต่อ หาก TSB ให้บริการได้ครบ เชื่อมต่อล้อสู่ล้อ และทำให้เป็นโครงข่ายการต่อรถได้ ยอดผู้โดยสารจะเติบโตขึ้นแน่นอน #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #TSB #ไทยสมายล์บัส

“ผบ.ทร.” บอกไม่ทราบ​ โผทัพเรือจบแล้วหรือไม่ หลังสะพัด​ ส่งชื่อ​ ‘บิ๊กแมว’​ นั่ง​ ผบ.ทร.คนต่อไป The post ผบ.ทร. โบ้ยตอบโผทัพเรือ บอกไม่ทราบ appeared first on สำนักข่าวไทย อสมท.

POLITICS: ’แพทองธาร‘ ตรวจขั้นตอนการปฏิบัติและความพร้อมของการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในการซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี - วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร วันนี้ (19 ก.ย. 67) เวลา 14:15 น. ที่โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เข้าตรวจขั้นตอนการปฏิบัติ และความพร้อมของการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร โดยมี พล.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ท.วิจิตร ตันประภา รองเสนาธิการทหารเรือ และประธานคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี ร่วมให้การต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้รับฟังการบรรยายสรุปขั้นตอน และติดตามการเตรียมความพร้อมของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค รวมถึงการดำเนินการของหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้ซักซ้อมลำดับขั้นพิธีการ​ ก่อนที่จะซ้อมเสมือนจริงตามลำดับ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการรับฟังบรรยาย​สรุป ผู้บัญชาการทหารเรือ​ได้พยายามทวนขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการเพื่อให้นายกรัฐ​มนตรี​ เข้าใจในทุกขั้นตอนอย่างชัดเจน จากนั้น น.ส.แพทองธารได้เดินทางจากท่าวาสุกรี มายังวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อรับชมขั้นตอนการปฏิบัติในการรับเสด็จพระราชดำเนินฯ และการซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 2 ก่อนนายกรัฐมนตรีได้กราบนมัสการพระพรหมวัชรเมธีเจ้าอาวาสวัดอรุณ โดยท่านเจ้าอาวาสให้กำลังใจ และขอให้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ ประสบความสำเร็จ ซึ่ง น.ส.แพทองธาร​ กล่าวว่า​ จะทำให้เต็มที่ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชม และเป็นกำลังใจให้กำลังพลฝีพาย ซึ่งกำลังพลฝีพายมีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นการร่วมแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้กำลังพลทุกคนภาคภูมิใจ และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้การจัดพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินด้วยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเป็นไปได้อย่างสมพระเกียรติสูงสุด สำหรับการฝึกซ้อมในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของกำลังพลฝีพาย และทุกภาคส่วน รวมถึงเพื่อให้การจัดงานในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างาม และสมพระเกียรติ และถือว่าเป็นการแสดงการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งกองทัพเรือ ได้จัดการฝึกย่อยเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 10 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 1 ,8 ,15 ,22 สิงหาคม รวมทั้งวันที่ 3 ,12 ,19 ,26 กันยายน และในวันที่ 3 และ 10 ตุลาคม โดยในครั้งนี้เป็นการซ้อมย่อยครั้งที่ 7 ขณะที่การซ้อมใหญ่ มีการฝึกซ้อมจำนวน 2 ครั้ง คือในวันที่ 15 และ 22 ตุลาคม โดยพระราชพิธี กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 รายงาน: กิตติธัช วิทยาเดชขจร ภาพ: พุฒิพงศ์ ธัญญพันธุ์, ปุณยวีร์ ณรงค์ฤทธิ์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #แพทองธารชินวัตร